เอวัมเม สุตัง (แปลว่า: ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้; บาลี: Evaṃ me sutaṃ; สันสกฤต: Evaṃ mayā śrūtaṃ) เป็นวลีขึ้นต้นของบทนำบรรทัดแรกซึ่งปรากฎในพระสูตรบาลีและสันสกฤตของศาสนาพุทธ วลีดังกล่าวปรากฏในพระสูตรว่าด้วยคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในฐานะ "เครื่องยืนยันคำสอนของพระพุทธองค์" ในทางพุทธวิถีเชื่อว่า พระอานนท์ได้เป็นภิกษุรูปแรกที่ใช้วลีนี้เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเครื่องยืนยันพระธรรมของพระพุทธองค์ แต่นักวิชาการคัดค้านความเชื่อนี้ ซึ่งแย้งว่าวลีนี้มีความสัมพันธ์กันประโยคที่ปรากฏในพระสูตรเช่นไร และมีหลายทฤษฏีที่ขยายความวลีนี้ในมุมมองของพระสูตรนั้น ภายหลังวลีนี้ได้ปรากฏในพระสูตรของมหายานและวัชรยาน
ประวัติและการใช้
ในพระธรรมของศาสนาพุทธ — ปรากฏวลีนี้ครั้งแรกในอรรถกถาของทีฆนิกาย โดยพระอานนท์ ภิกษุรูปแรกที่ใช้วลีนี้ระหว่างการสังคยนาครั้งที่หนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นที่ถ้ำสัตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ ในกาลครั้งนี้มีการบัญญัติพระไตรปิฎก และพระอานนท์ทำหน้าที่สังคิตี (สันสกฤต: saṃgītakāra) กล่าวคือเป็นผู้วิสัชชนาในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ระหว่างที่เป็นพุทธอุปัฏฐากให้กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วลีนี้เป็นคำขึ้นต้นของประโยคที่กล่าวถึงสถานที่แสดงพระธรรมเทศนา และผู้ได้สดับพระธรรมนั้น ในอรรถกถาของจีน กล่าวว่า วลีนี้ปรากฏในพระสูตรในฐานะ คำขึ้นต้นทั่วไป (จีน: 通序; พินอิน: tōngxù), เนื้อหาของประโยคถัดมาจากวลีที่กล่าวถึงองค์ประกอบของพระสูตร เรียกว่า คำขึ้นต้นเฉพาะ (จีน: 別序; พินอิน: biéxù) ในพุทธพจน์ช่วงต้นบางฉบับ ได้ใช้วลีที่มีโครงสร้างเดียวกันว่า 'วุตฺตํ เหตํ ภควา' (แปลว่า: พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วอย่างนี้; บาลี: Vutaṃ hetaṃ bhagavatā) ปรากฏในอิติวุตตกะ ขุททกนิกาย
การตีความและการแปลศัพท์
วลีนี้ตีความโดยพระพุทธโฆสะ พระคันถรจนาจารย์ชาวอินเดียช่วงศตวรรษที่ 5 ว่า "ยืนยันในความมีอยู่ของพุทธะ" ฌ็อง ฟิลลีโยซาต์ นักภารตวิทยา (ค.ศ. 1906–82) ไม่เห็นด้วยกับการอธิบายแบบเดิมว่าพระอานนท์เป็นภิกษุที่ใช้วลีนี้เป็นรูปแรก โดยแย้งว่าวลีนี้ไม่ควรนำมาเป็นคำขึ้นต้นเพื่ออธิบายถึงองค์ประกอบซึ่งปรากฏในบทแรก โดยดูเหมือนจะมีผู้แต่งเป็นการรวบรวมเพิ่มภายหลัง อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบอักขระระหว่างพุทธกับเชน จอห์น โบล์ห นักวิชาการสันสกฤต (ค.ศ. 1917–84) เชื่อว่า วลีนี้เป็นการกล่าวโดยพุทธพจน์ทางตรงมากกว่าจะเป็นคำบอกเล่า
ฌ็อง เปอร์ลูยูสกี นักภารตวิทยา (1885–1944) เชื่อว่าวลีดังกล่าวใช้เพื่อเป็นวลีขึ้นต้นเพื่อแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของพระสูตรแบบศรุติ เชื่อว่าประสงค์แสดงเพื่อยกฐานะของพระธรรมในศาสนาพุทธเดียวกับพระเวทในคติพราหมณ์ โบสท์เห็นพ้องกับเปอร์ลูยูสกีในพัฒนาการใช้วลีดังกล่าว แต่เพื่อเป็นประจักษ์พยานของพระธรรมในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "พระธรรมคงได้โดยปราศจากการอธิบายเพิ่ม" โบสท์กล่าวว่าเมื่อพระสาวกได้สดับวลี เอวัมเม สุตัง ครั้งแรกโดยพระอานนท์ ทำให้ระลึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยพลัน คอนราส กลอส [de] นักภารตวิทยา ไม่เห็นด้วยกับโบสท์ โดยอ้างพระธรรมที่ปรากฏในสองคัมภีร์จากทีฆนิกายและมัชฌิมนิกายมักขยายความถึง "... มีผู้สดับธรรมให้ฟัง" มากกว่าเป็นการเล่าด้วยตัวเอง เขาคำนึงว่าวลี ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ ในพระพุทธวาจาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ย่อมไม่ได้หมายถึงสดับฟังเรื่องราวจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากพระโอษฐ์ เขาตระหนักว่าในภาษาสันสกฤตไม่ได้รับการถอดความภายในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการถ่ายทอดจากประสบการณ์ชีวิต
เอเตียน ลาม็องต์ นักภารตวิทยา (ค.ศ. 1903–83) ค้านว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมในช่วงต้นของพระสูตรผ่านพระอานนท์
อ้างอิง