หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงของราชบัณฑิตยสถาน
หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียงของราชบัณฑิตยสถาน คือระบบทางการ[1] ที่ใช้สำหรับแสดงคำในภาษาไทยเป็นอักษรโรมันตามวิธีอ่าน จัดทำโดยราชบัณฑิตยสถาน (ปัจจุบันคือสำนักงานราชบัณฑิตยสภา) และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2482[2] และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2542[3]
หลักเกณฑ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ถอดวิสามานยนามในป้ายบอกทางและเอกสารต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการเป็นหลัก และเป็นระบบที่ใกล้เคียงกับมาตรฐานการถอดเสียงภาษาไทยมาตรฐานหนึ่ง ๆ มากที่สุด แต่การใช้หลักเกณฑ์นี้ในทางปฏิบัติเป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอแม้ในหมู่หน่วยงานราชการเอง ระบบการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันตามหลักเกณฑ์นี้แทบจะเหมือนกับระบบที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน ISO 11940-2
ลักษณะเด่น
ลักษณะเด่นของหลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง พ.ศ. 2542 ได้แก่
- เลือกใช้เฉพาะอักษรโรมันที่ไม่ผ่านการดัดแปลงและไม่ใส่เครื่องหมายเสริมสัทอักษรใด ๆ
- ถอดเสียงสระเดี่ยวและสระประสมทั้งหมดโดยใช้อักษรที่เป็นสระ ได้แก่ ⟨a⟩, ⟨e⟩, ⟨i⟩, ⟨o⟩, ⟨u⟩
- อักษรเดี่ยว ⟨a⟩, ⟨e⟩, ⟨i⟩, ⟨o⟩, ⟨u⟩ แทนเสียงสระเดี่ยวที่มีค่าเสียงเดียวกันอย่างในชุดสัทอักษรสากล
- ทวิอักษรที่ลงท้ายด้วย ⟨e⟩ แทนเสียงสระเดี่ยว กล่าวคือ ⟨ae⟩, ⟨oe⟩, ⟨ue⟩ แทนเสียง /ɛ, ɤ, ɯ/ ตามลำดับ หลักเกณฑ์นี้อาจเลือกใช้ทวิอักษรดังกล่าวเนื่องจากมีหน้าตาคล้ายคลึงกับสัทอักษรตัวแฝด /æ, œ, ɯ/
- ทวิอักษรและไตรอักษรที่ลงท้ายด้วย ⟨a⟩, ⟨i⟩, ⟨o⟩ เป็นสระประสม และแทนเสียง /a, j, w/ ตามลำดับ
- ใช้อักษรแทนเสียงพยัญชนะตามอักษรในชุดสัทอักษรสากล ยกเว้น
- ทวิอักษรที่ลงท้ายด้วย ⟨h⟩ กล่าวคือ ⟨ph⟩, ⟨th⟩, ⟨kh⟩ แทนเสียงพยัญชนะพ่นลม /pʰ, tʰ, kʰ/ เพื่อแยกความแตกต่างจาก ⟨p⟩, ⟨t⟩, ⟨k⟩ ซึ่งแทนเสียงพยัญชนะไม่พ่นลม /p, t, k/
- ⟨ch⟩ แทนทั้งเสียงพยัญชนะ /t͡ɕʰ/ และเสียงพยัญชนะ /t͡ɕ/
- ⟨ng⟩ แทนเสียงพยัญชนะ /ŋ/
- ⟨y⟩ แทนเสียงพยัญชนะ /j/ (ในตำแหน่งต้นพยางค์)
- ถอดเสียงพยัญชนะตามเสียงที่ออกโดยไม่คำนึงถึงการสะกดการันต์ เช่น ศรี /sǐː/ = si (ไม่ใช่ sri); ลาด /lâːt/ = lat (ไม่ใช่ lad); ศิลป์ /sǐn/ = sin (ไม่ใช่ silp)
- ถอดเสียงสระลดรูปและสระเปลี่ยนรูปตามเสียงที่ออก เช่น กล /kōn/ = kon (ไม่ใช่ kn หรือ kl); สวย /sǔaj/ = suai (ไม่ใช่ swi หรือ swy); บรรจง /bān.t͡ɕōŋ/ = banchong (ไม่ใช่ brrchng)
- ในคำหลายพยางค์ หากพยางค์ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยสระ หรือหากพยางค์หน้าลงท้ายด้วยสระ และพยางค์ที่ตามมาขึ้นต้นด้วย ⟨ng⟩ ให้ใส่เครื่องหมายยัติภังค์เพื่อเลี่ยงความกำกวมในการแยกพยางค์ เช่น สะอาด = sa-at; สำอาง = sam-ang; สง่า = sa-nga
- ในการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันให้เขียนแยกเป็นคำ ๆ เช่น ถนนโชคชัย = Thanon Chok Chai (ไม่ใช่ Thanonchokchai); จังหวัดชลบุรี = Changwat Chon Buri (ไม่ใช่ Changwatchonburi); สถาบันไทยคดีศึกษา = Sathaban Thai Khadi Sueksa (ไม่ใช่ Sathabanthaikhadisueksa) ยกเว้นคำประสมและวิสามานยนามที่เป็นชื่อบุคคล รวมทั้งวิสามานยนามที่เป็นคำสมาสและออกเสียงสระเชื่อมกลางคำ ให้เขียนติดกัน เช่น รถไฟ = rotfai (ไม่ใช่ rot fai); นายโชคชัย จิตงาม = Nai Chokchai Chitngam (ไม่ใช่ Nai Chok Chai Chit Ngam); อำเภอธัญบุรี = Amphoe Thanyaburi (ไม่ใช่ Amphoe Thanya Buri)
- ในกรณีของวิสามานยนามที่เป็นชื่อภูมิศาสตร์ ให้ถอดคำบอกประเภทวิสามานยนามนั้นเป็นอักษรโรมันโดยไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ เช่น เกาะช้าง = Ko Chang (ไม่ใช่ Chang Island); เขาสอยดาว = Khao Soi Dao (ไม่ใช่ Soi Dao Hill); แม่น้ำป่าสัก = Maenam Pa Sak (ไม่ใช่ Pa Sak River); คลองแสนแสบ = Khlong Saen Saep (ไม่ใช่ Saen Saep Canal); ถนนหนองระแหง = Thanon Nong Rahaeng (ไม่ใช่ Nong Rahaeng Road); ซอยบ้านบาตร = Soi Ban Bat (ไม่ใช่ Ban Bat Lane)
ตารางเทียบเสียง
ตารางเทียบเสียงพยัญชนะและสระตามหลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง พ.ศ. 2542 เป็นดังนี้[3]
พยัญชนะ |
|
สระ
|
อักษรไทย |
อักษรโรมัน (ตัวต้น) |
อักษรโรมัน (ตัวสะกด)
|
ก |
k |
k
|
ข, ฃ, ค, ฅ, ฆ |
kh |
k
|
ง |
ng |
ng
|
จ |
ch |
t
|
ฉ, ช |
ch |
t
|
ซ |
s |
t
|
ฌ |
ch |
—
|
ญ |
y |
n
|
ฎ |
d |
t
|
ฏ |
t |
t
|
ฐ, ฑ, ฒ |
th |
t
|
ฑ, ด |
d |
t
|
ณ |
n |
n
|
ต |
t |
t
|
ถ, ท, ธ |
th |
t
|
น |
n |
n
|
บ |
b |
p
|
ป |
p |
p
|
ผ |
ph |
—
|
ฝ |
f |
—
|
พ |
ph |
p
|
ฟ |
f |
p
|
ภ |
ph |
p
|
ม |
m |
m
|
ย |
y |
ดูที่ตารางสระ
|
ร |
r |
n
|
ฤ |
rue, ri, roe |
—
|
ฤๅ |
rue |
—
|
ล |
l |
n
|
ฦ |
lue |
—
|
ฦๅ |
lue |
—
|
ว |
w |
ดูที่ตารางสระ
|
ศ |
s |
t
|
ษ |
s |
t
|
ส |
s |
t
|
ห |
h |
—
|
ฬ |
l |
n
|
ฮ |
h |
—
|
|
|
อักษรไทย |
อักษรโรมัน
|
–ะ, –ั, รร (มีตัวสะกด), –า |
a
|
รร (ไม่มีตัวสะกด) |
an
|
–ำ |
am
|
–ิ, –ี |
i
|
–ึ, –ื, —ือ |
ue
|
–ุ, –ู |
u
|
เ–ะ, เ–็, เ– |
e
|
แ–ะ, แ– |
ae
|
โ–ะ, –, โ–, เ–าะ, –อ |
o
|
เ–อะ, เ–ิ, เ–อ |
oe
|
เ–ียะ, เ–ีย |
ia
|
เ–ือะ, เ–ือ |
uea
|
–ัวะ, –ัว, –ว– |
ua
|
ใ–, ไ–, –ัย, ไ–ย, –าย |
ai
|
เ–า, –าว |
ao
|
–ุย |
ui
|
โ–ย, –อย |
oi
|
เ–ย |
oei
|
เ–ือย |
ueai
|
–วย |
uai
|
–ิว |
io
|
เ–็ว, เ–ว |
eo
|
แ–็ว, แ–ว |
aeo
|
เ–ียว |
iao
|
|
ประวัติ
ตัวอย่างความเปลี่ยนแปลง
อักษรไทย
|
อักษรโรมัน (ตัวต้น)
|
อักษรโรมัน (ตัวสะกด)
|
ธรรมการ 2475[4]
|
ราชบัณฑิต 2482[2]
|
ราชบัณฑิต 2511
|
ราชบัณฑิต 2542[3]
|
ธรรมการ 2475[4]
|
ราชบัณฑิต 2482
|
ราชบัณฑิต 2511
|
ราชบัณฑิต 2542[3]
|
ทั่วไป
|
ทั่วไป
|
พิสดาร
|
ทั่วไป
|
ทั่วไป
|
พิสดาร
|
จ |
č |
čh |
č |
ch |
ch |
t |
t |
t / č |
t |
t
|
ฉ |
ch |
ch |
ch |
ch |
ch |
t |
t |
t / ch |
t |
t
|
ช |
ch |
ch |
c῾ |
ch |
ch |
t |
t |
t / c῾ |
t |
t
|
ซ |
s |
s |
ç |
s |
s |
t |
t |
t / ç |
t |
t
|
ทร |
s |
s |
ç᾿ |
s |
s |
t |
t |
t / ç᾿ |
t |
t
|
ศ |
s |
s |
ś |
s |
s |
t |
t |
t / ś |
t |
t
|
ษ |
s |
s |
ṣ |
s |
s |
t |
t |
t / ṣ |
t |
t
|
ส |
s |
s |
s |
s |
s |
t |
t |
t / s |
t |
t
|
ฤ [รึ] |
rư |
rư |
ṛư̆ |
ru |
rue |
—
|
ฤ [เรอ] |
rơ |
rœ |
ṛœ |
roe |
roe |
—
|
ฤๅ |
rư |
rư |
ṛư |
ru |
rue |
—
|
ฦ |
lư |
lư |
ḷu |
lu |
lue |
—
|
ฦๅ |
lư |
lư |
ḷ́ư |
lu |
lue |
—
|
อักษรไทย
|
อักษรโรมัน
|
ธรรมการ 2475[4]
|
ราชบัณฑิต 2482[2]
|
ราชบัณฑิต 2511
|
ราชบัณฑิต 2542[3]
|
ทั่วไป
|
พิสดาร
|
ทั่วไป
|
พิสดาร
|
–ึ; –ื |
ư |
ư̆; ư̄ |
ư |
ư̆; ư |
u |
ue
|
แ–ะ; แ– |
e̦ |
ĕ̦; ē̦ |
æ |
æ̆ḥ; æ |
ae |
ae
|
เ–าะ; –อ |
o̦ |
ŏ̦; ō̦ |
ǫ |
ǫ̆ḥ; ǫ |
o |
o
|
เ–อะ; เ–ิ; เ–อ |
ơ |
ơ̆; ơ̄ |
œ |
œ̆ḥ; œ̆; œ |
oe |
oe
|
เ–ือะ; เ–ือ |
ưa |
ưă; ưā |
ưa |
ư̆ăḥ; ưa, ưœ |
ua |
uea
|
ใ– |
ai |
ăi |
ai |
ăĭ |
ai |
ai
|
ไ– |
ai |
ăi |
ai |
ăi |
ai |
ai
|
–ัย |
ai |
ăi |
ai |
ăy |
ai |
ai
|
–าย |
ai |
āi |
ai |
ai |
ai |
ai
|
เ–ือย |
ưai |
— |
ưai |
ưœi |
uai |
ueai
|
–ิว |
iu |
— |
iu |
iu |
iu |
io
|
แ–็ว; แ–ว |
e̦o |
ĕ̦o; ē̦o |
æo |
æo |
aeo |
aeo
|
เ–ียว |
iau |
— |
ieo |
ieo |
ieo |
iao
|
ฉบับ พ.ศ. 2475
ใน พ.ศ. 2474 กระทรวงธรรมการได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อพิจารณากำหนดวิธีการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันให้เป็นระบบเดียวกัน[2] เนื่องจากในเวลานั้นมีการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันหลายวิธี บางวิธีอาศัยการถอดอักษรตามรากศัพท์ในภาษาเดิม บางวิธีก็อาศัยการถอดอักษรตามเสียง คณะกรรมการมีความเห็นว่าควรกำหนดวิธีการถอดอักษรตามวิธีเขียนประกอบไปกับวิธีออกเสียงในภาษาไทย เพราะถ้ายึดหลักการถอดอักษรตามรากศัพท์ในภาษาเดิม อาจทำให้ต้องถอดอักษรไทยตัวเดียวกันเป็นอักษรโรมันต่างกัน และถ้าจะยึดหลักการถอดอักษรตามเสียงเท่านั้น ก็ไม่ตรงกับวิธีเขียนของไทยเสียทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีความเห็นว่าควรจัดทำวิธีการถอดอักษรขึ้น 2 แบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ได้แก่ แบบทั่วไปและแบบพิสดาร (แบบละเอียด) แบบทั่วไปควรอนุโลมตามวิธีอ่านของไทย โดยใช้ในกรณีที่การออกเสียงสำคัญกว่าการเขียนตัวสะกดการันต์ เช่น ชื่อต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนแบบพิสดารควรอนุโลมตามวิธีเขียนของไทย โดยใช้ในกรณีที่ต้องการแสดงที่มาหรือความหมายของคำให้ละเอียดแม่นยำเป็นต้น
ในการกำหนดวิธีการถอดอักษรแบบทั่วไป คณะกรรมการได้อาศัยหลักต่อไปนี้[2]
- แบบทั่วไปควรเป็นวิธีที่จะขยายออกไปให้เป็นแบบพิสดารได้
- แบบทั่วไปควรอาศัยหลักสัทศาสตร์ กล่าวคือ เสียงเสียงหนึ่งเขียนแทนด้วยตัวอักษรตัวหนึ่ง
- แบบทั่วไปจะต้องสอดคล้องกับอักขรวิธีและวิธีออกเสียงในภาษาไทย
- ในการเลือกตัวอักษรหรือเครื่องหมาย จะต้องคำนึงถึงตัวพิมพ์และตัวพิมพ์ดีดที่มีอยู่ ตลอดจนวิธีถอดอักษรที่มีใช้กันอยู่แล้วด้วย
เมื่อได้พิจารณาวิธีออกเสียงและตัวอักษรในภาษาไทยแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นว่าในวิธีการถอดอักษรแบบทั่วไปไม่ต้องมีเครื่องหมายแสดงเสียงวรรณยุกต์หรือเครื่องหมายแสดงความสั้นยาวของเสียงสระ มีไว้สำหรับแบบพิสดารก็พอแล้ว
เมื่อคณะกรรมการได้จัดทำวิธีการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันเรียบร้อยแล้ว ก็ทำบันทึกเสนอต่อกระทรวงธรรมการ กระทรวงธรรมการนำเรื่องไปหารือกับราชบัณฑิตยสภา ราชบัณฑิตยสภาเห็นว่ากระทรวงธรรมการควรตีพิมพ์เผยแพร่วิธีการดังกล่าวเพื่อรับฟังความเห็นจากสาธารณชนเสียก่อน ต่อเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้านหรือแสดงความเห็นเพิ่มเติม จึงจะเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ต่อไป กระทรวงธรรมการเห็นด้วย จึงนำบันทึกรายงานของคณะกรรมการตีพิมพ์ลงในวารสาร วิทยาจารย์ และส่งสำเนาบันทึกรายงานให้หนังสือพิมพ์อื่น ๆ อีกบางฉบับตั้งแต่ต้น พ.ศ. 2475[2] อย่างไรก็ตาม วิธีการถอดอักษรที่ตีพิมพ์ในวารสาร วิทยาจารย์ นั้นครอบคลุมแบบทั่วไปและแบบพิสดารสำหรับสระเท่านั้น มิได้กล่าวถึงแบบพิสดารสำหรับพยัญชนะแต่อย่างใด[4]
ฉบับ พ.ศ. 2482
วิธีการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันที่กระทรวงธรรมการกำหนดไว้นั้นไม่ได้รับการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อราชบัณฑิตยสถานรับโอนงานนี้มาจากกระทรวงธรรมการใน พ.ศ. 2477 ก็ได้สานงานนี้ต่อ[2] โดยพิจารณาทั้งแบบทั่วไปและแบบพิสดารร่วมกับสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศที่ฮานอย สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศเห็นชอบกับหลักการ แต่เสนอว่าควรแก้เครื่องหมายและตัวอักษรบางตัวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และควรแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างสระที่มีตัวสะกดกับสระที่ไม่มีตัวสะกดเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น ราชบัณฑิตยสถานได้นำข้อคิดเห็นต่าง ๆ มาดัดแปลงแก้ไขอีกเล็กน้อย ในที่สุดวิธีการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันทั้งสองแบบก็ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2482[2]
การวิพากษ์วิจารณ์
หลักเกณฑ์การถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมันแบบถ่ายเสียง พ.ศ. 2542 ไม่ครอบคลุมลักษณะบางประการของระบบเสียงภาษาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีข้อบกพร่องดังต่อไปนี้
- ไม่แสดงเสียงวรรณยุกต์
- ไม่จำแนกความต่างระหว่างสระเสียงสั้นกับสระเสียงยาว
- สัญลักษณ์ ⟨ch⟩ ไม่จำแนกความต่างระหว่างเสียงพยัญชนะ /t͡ɕ/ กับเสียงพยัญชนะ /t͡ɕʰ/ (ดูตารางด้านล่าง) หลักเกณฑ์นี้ควรใช้ ⟨c⟩ แทน /t͡ɕ/ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้สัญลักษณ์แทนเสียงพยัญชนะไม่พ่นลมเสียงอื่น ๆ แต่ผู้จัดทำหลักเกณฑ์ให้เหตุผลว่า หากใช้ ⟨c⟩ อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่า ⟨c⟩ ออกเสียงเป็น [kʰ] หรือ [s] อย่างในภาษาอังกฤษ[3]
- สัญลักษณ์ ⟨o⟩ ไม่จำแนกความต่างระหว่างเสียงสระ /ɔ/ กับเสียงสระ /o/ (ดูตารางด้านล่าง)
|
หน่วยเสียง 1 |
หน่วยเสียง 2
|
อักษรโรมัน
|
อักษรไทย |
สัทอักษรสากล |
คำบรรยาย |
ตัวอย่าง
|
อักษรไทย |
สัทอักษรสากล |
คำบรรยาย |
ตัวอย่าง
|
ch
|
จ, จร
|
t͡ɕ
|
พยัญชนะกักเสียดแทรก เพดานแข็งปุ่มเหงือก ไม่ก้อง ไม่พ่นลม
|
จาม = cham จริง = ching จันทร์ = chan
|
ฉ, ช, ฌ
|
t͡ɕʰ
|
พยัญชนะกักเสียดแทรก เพดานแข็งปุ่มเหงือก ไม่ก้อง พ่นลม
|
ชาม = cham ฉิ่ง = ching ฌาน = chan
|
o
|
โ–ะ, –
|
o
|
สระหลัง กึ่งปิด ปากห่อ เสียงสั้น
|
จน = chon ชล = chon
|
เ–าะ, –อ, –็อ
|
ɔ
|
สระหลัง กึ่งเปิด ปากห่อ เสียงสั้น
|
จ้อน = chon ช่อน = chon
|
โ–
|
oː
|
สระหลัง กึ่งปิด ปากห่อ เสียงยาว
|
โจร = chon โชน = chon
|
–อ, –
|
ɔː
|
สระหลัง กึ่งเปิด ปากห่อ เสียงยาว
|
จร = chon ช้อน = chon
|
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
|