วิลเฮ็ล์ม โบเดอวีน โยฮัน กุสทัฟ ไคเทิล (เยอรมัน : Wilhelm Bodewin Johann Gustav Keitel ) นายทหารชาวเยอรมัน เป็นจอมพลเยอรมันซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในทวีปยุโรป ตำแหน่งของเขาเทียบได้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ประวัติ
ไคเทิลเป็นบุตรคนโตของนายคาร์ล ไคเทิล เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ในตอนแรกเขาคิดอยากสืบทอดกิจการฟาร์มจากบิดา แต่บิดาไม่ยอมเพราะบิดาต้องการดูแลกิจการด้วนตนเอง ด้วยเหตุนี้เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมในปี 1901 เขาจึงเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยปรัสเซีย ซึ่งเป็นค่านิยมของบรรดาลูกชายเจ้าของที่ดินในขณะนั้น โดยตัวเขาเลือกสังกัดเหล่าทหารปืนใหญ่ และได้ติดยศร้อยตรีในปี 1902
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ในปี 1914 ร้อยโทไคเทิลปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในแนวรบด้านตะวันตก มีส่วนร่วมในการรบในภาคเหนือของประเทศเบลเยียมและได้รับบาดเจ็บหนัก ในปีนั้นเขาได้พบกับพันตรีแวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค ผู้ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อเขาในเวลาต่อมา หลังไคเทิลรักษาตัวจนหายดี เขาได้เลื่อนเป็นร้อยเอกและได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารเสนาธิการของกองพลแห่งหนึ่ง
ช่วงเว้นว่างสงคราม
ภายหลังสงครามสิ้นสุดในปี 1919 ไคเทิลยังประจำการในกองทัพต่อไป เขามีตำแหน่งเป็นครูสอนวิชายุทธวิธีในโรงเรียนทหารม้า ณ ฮันโนเฟอร์ เป็นเวลาสามปี แล้วถูกโยกย้ายไปเป็นนายทหารเสนาธิการของกรมทหารปืนใหญ่ที่หก ต่อมาในปี 1925 เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองในสำนักงานกำลังพล ต่อมาในปี 1927 ไคเทิลได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 6 กองพลที่ 2
ในปี 1929 ไคเทิลเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงการสงคราม จนกระทั่งในปี 1935 ได้ดำรงตำแหน่งปลัดแวร์มัคท์ ภายใต้รัฐมนตรีแวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค ต่อมาเมื่อฮิตเลอร์เข้าบัญชาการแวร์มัคท์โดยตรงในปี 1938 ฮิตเลอร์ยุบกระทรวงการสงคราม (ซึ่งเป็นการปลดจอมพลบล็อมแบร์คในตัว) และตั้งกองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ขึ้นแทน ไคเทิลเป็นหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่ฯ ด้วยอุปนิสัยว่านอนสอนง่ายต่อฮิตเลอร์ บรรดาเพื่อนนายทหารแอบเรียกเขาว่าเป็นชายที่ "ได้ครับผม เหมาะสมครับท่าน"
สงครามโลกครั้งที่สอง
จอมพลไคเทิล (ซ้ายสุด) ในการประชุมทางทหาร (1940)
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ไคเทิลในฐานะหัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์ ถือเป็นผู้มีส่วนตัดสินใจต่อปฏิบัติการทางทหารในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ในวาระส่วนใหญ่ เขาวางตัวเป็นเพียงตรายางของฮิตเลอร์ และไม่ได้ดูกระตือรือร้นที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ในปี 1940 ภายหลังความสำเร็จในยุทธการที่ฝรั่งเศส ไคเทิลพร้อมนายพลอีกสิบเอ็ดคนได้รับเลื่อนยศเป็นจอมพลในวันที่ 19 กรกฎาคม
ในปี 1945 ภายหลังกองทัพแดงบุกเข้ากรุงเบอร์ลิน จอมพลไคเทิลเป็นผู้ลงนามในตราสารยอมจำนนของเยอรมนี เพื่อยุติสงคราม ต่อมาถูกนำตัวเข้ารับการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค ของฝ่ายสัมพันธมิตร เขาพยายามต่อสู้คดีแต่สุดท้ายถูกตัดสินโทษประหาร ถือเป็นหนึ่งในสามผู้บัญชาการระดับสูงสุดของเยอรมันที่ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดี เขาถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในวันที่ 16 ตุลาคม 1946 แม้ว่าเจ้าตัวเรียกร้องขอการยิงประหารชีวิตโดยแถวทหารก็ตาม
ยศทหาร
จอมพลไคเทิลลงนามตราสารยอมจำนน (8 พ.ค. 1945)
ตุลาคม 1901 : นักเรียนทำการนายร้อย (Fähnrich)
สิงหาคม 1902: ร้อยตรี (Leutnant)
สิงหาคม 1910 : ร้อยโท (Oberleutnant)
ตุลาคม 1914 : ร้อยเอก (Hauptman)
มิถุนายน 1923 : พันตรี (Major)
กุมภาพันธ์ 1929 : พันโท (Oberstleutnant)
ตุลาคม 1931 : พันเอก (Oberst)
เมษษยน 1934 : พลตรี (Generalmajor)
มกราคม 1936 : พลโท (Generalleutnant)
สิงหาคม 1937: พลเอกทหารปืนใหญ่ (General der Artillerie )
พฤศจิกายน 1938 : พลเอกอาวุโส (Generaloberst)
กรกฎาคม 1940 : จอมพล (Generalfeldmarschall)
บรรณานุกรม
Barnett, Correlli, ed. (2003) [1989]. Hitler’s Generals . New York: Grove Press. ISBN 978-0-80213-994-8
Brinkley, Douglas, and Michael E. Haskew, eds. (2004). The World War II Desk Reference . New York: Grand Central Press. ISBN 978-0-06052-651-1
Burleigh, Michael (2010). Moral Combat: Good and Evil in World War II . New York and London: Harper Collins. ISBN 978-0-00-719576-3
Carell, Paul (1994). Scorched Earth . Atglen, PA: Schiffer Military History. ISBN 0-88740-598-3
Clark, Alan (2002) [1965] Barbarossa: The Russian-German Conflict, 1941–45 . New York: Harper Perennial. ISBN 0-688-04268-6
Conot, Robert E. (2000) [1947]. Justice at Nuremberg . New York: Carroll & Graf Publishers. ISBN 978-0-88184-032-2
Higgins, Trumbull (1966) Hitler and Russia: The Third Reich in a Two-front War, 1937–1943 . New York: The Macmillan Company. ASIN: B007T4QZQS
Hildebrand, Klaus (1986). The Third Reich . London & New York: Routledge. ISBN 0-04-9430327
ถูกตัดสินประหารชีวิต จำคุก (ระยะเวลา) พ้นผิด ไม่มีคำวินิจฉัย
1 เป็นการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย พบร่างที่กรุงเบอร์ลินในปี 1972 และระบุรูปพรรณได้ในปี 1998; ยืนยันว่าได้ฆ่าตัวตายในวันที่ 2 พฤษภาคม 1945
2 ฆ่าตัวตายในวันที่ 15 ตุลาคม 1946 ก่อนการพิจารณาคดีเริ่ม
3 พบว่าไม่พร้อมรับการพิจารณาคดี
4 ฆ่าตัวตายในวันที่ 25 ตุลาคม 1945