วิมานลอย (อังกฤษ: Gone with the Wind) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวมหากาพย์โรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ ที่ออกฉายใน ค.ศ. 1939 ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกันใน ค.ศ. 1936 ของ มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ ภาพยนตร์สร้างโดย เดวิด โอ. เซลซ์นิก จาก เซลซ์นิกอินเตอร์เนชันแนลพิกเจอร์ส และกำกับโดย วิกเตอร์ เฟลมมิง ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องในอเมริกาตอนใต้ ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกาและสมัยการบูรณะ ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ สการ์เลตต์ โอฮารา (วิเวียน ลีห์) ลูกสาวผู้เอาแต่ใจของเจ้าของไร่ในจอร์เจีย หลังจากที่เธอตามหาความรักของเธอกับ แอชลีย์ วิลส์ (เลสลี ฮาเวิร์ด) ผู้ซึ่งแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขา เมลานี แฮมิลตัน (โอลิเวีย เดอ แฮวีลันด์) และต่อมาโอฮาราก็แต่งงานกับเร็ตต์ บัตเลอร์ (คลาร์ก เกเบิล)
ภาพยนตร์มีปัญหาในการสร้างหลายอย่าง ได้แก่ การเริ่มต้นถ่ายทำที่ล่าช้าไปสองปีจนได้ถ่ายทำในเดือนมกราคม ค.ศ. 1939 เนื่องจากความมุ่งมั่นของเซลซ์นิกที่ต้องการให้เกเบิลมารับบทเรตต์ และสิ้นสุดการถ่ายทำในเดือนกรกฎาคมถัดมา การคัดเลือกนักแสดงในบทบาทของสการ์เลตต์เป็นเรื่องยาก เพราะมีการสัมภาษณ์ผู้หญิงที่ไม่รู้จักกว่า 1,400 คนเพื่อรับบทนี้ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมของ ซิดนีย์ ฮาวเวิร์ด ได้รับการแก้ไขหลายครั้งโดยนักเขียนหลายคนเพื่อลดให้มีความยาวที่เหมาะสม จอร์จ คูคอร์ ผู้กำกับคนเดิมถูกไล่ออกหลังจากเริ่มถ่ายทำได้ไม่นาน และถูกแทนที่ด้วยเฟลมมิง ซึ่ง แซม วูด เข้ามาแทนที่ในช่วงสั้น ๆ ในขณะที่ต้องพักงานเนื่องจากความอ่อนล้า งานหลังการถ่ายทำเสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1939 เพียงหนึ่งเดือนก่อนการฉายรอบปฐมทัศน์
ภาพยนตร์ฉายเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1939 ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ โดยชมในเรื่องการคัดเลือกนักแสดง แต่ติในเรื่องความยาวของภาพยนตร์ ณ งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 12 วิมานลอย ได้รับรางวัลออสการ์สิบสาขา (แปดสาขาจากการแข่งขันและสองสาขารางวัลกิตติมศักดิ์) จากการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งหมดสิบสามสาขา เช่น สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เฟลมิง), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (ซิดนีย์ ฮาวเวิร์ด ได้รับรางวัลหลังเขาเสียชีวิตแล้ว), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ลีห์) และ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (แฮตตี แม็กแดเนียล โดยเป็นแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์) สร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลและมีการเสนอชื่อเข้าชิงรวมกันมากที่สุดในเวลานั้น
วิมานลอย ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเมื่อฉายครั้งแรก กลายเป็นภาพยนตร์ที่เงินสูงสุดในเวลานั้นและถือครองสถิติมาเป็นเวลากว่าหนึ่งในสี่ของศตวรรษ เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว วิมานลอย ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการกลับมาฉายซ้ำเป็นระยะ ๆ ตลอดศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประชานิยม แม้ว่าภาพยนตร์จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการปฏิเสธประวัติศาสตร์ซึ่งยกย่องการค้าทาสและตำนานสาเหตุที่สูญหายไปของสมาพันธรัฐ แต่ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดเปลี่ยนในวิธีการนำเสนอชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาในภาพยนตร์ วิมานลอย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และใน ค.ศ. 1989 กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยี่สิบห้าเรื่องที่ได้รับเลือกเพื่อการอนุรักษ์ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ
โครงเรื่อง
สการ์เลตต์ โอฮารา สาวน้อยลูกเจ้าของไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ผู้มีชีวิตแสนสุขสบาย มีผู้ชายหลงใหลในความงามของเธออย่างมากมาย แต่เธอรัก แอชลี่ย์ วิลค์ เพียงคนเดียว แต่แอชลี่ย์ กำลังจะแต่งงานกับญาติของตัวเองชื่อ เมลานี ฮามิลตั้น ในงานเลี้ยงบาบีคิวของแอชลี่ย์ สการ์เล็ตได้บอกความรู้สึกของตัวเองให้แอชลี่ย์ฟัง แต่ว่าแอชลี่ย์กั๊กเธอไว้ ไม่ยอมบอกว่าเค้ารักเมลานี ไมได้รักสกาเล็ต ตอนที่นางเอกของเราสารภาพรักกัน เร็ตต์ บัตเลอร์ ได้ไปแอบอยู่ในห้องสมุด รับรู้การกระทำอันน่าอับอาย
นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ชอบหน้าเร็ตต์เลย ด้วยความต้องการประชดและอยากให้แอชลี่ย์เสียใจ สการ์เล็ตจึงยอมแต่งงานกับพี่ชายของเมลานี แต่เขาไปรบและตายในเวลาต่อมา คราวนี้สการ์เล็ตจึงเป็นหม้าย แต่เธอไม่ได้เสียใจซักนิดที่สามีตาย ออกจะเบื่อกับการไว้ทุกข์จอมปลอมด้วยซ้ำไป แต่แล้วชีวิตของเธอต้องพลิกผันไป เมื่อสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้น ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ทาสผิวดำใต้อาณัติถูกเกณฑ์ไปช่วยรบ และภาคใต้ตกเป็นฝ่ายแพ้ในที่สุด
วิถีชีวิตและความสุขของเธอหลุดลอยหายไปดุจ ดั่ง “วิมานลอย” ไปตามสายลม สการ์เลตต์จึงให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า “เธอจะไม่มีวันต้องอดอยากอีก” ด้วยความสวยที่เธอมี เธอจึงหลอกล่อคู่หมั้นของน้องสาว แล้วเธอก็แต่งงานอีกครั้งเพื่อเงินและความสุขสบาย เธอต้องแต่งงานเพราะว่าฝ่ายใต้แพ้แล้วพวกแยงกี้ต้องการเก็บภาษีที่ดินถึง 300 เหรียญ และลำพังผู้หญิงเพียงคนเดียวทำงานไม่ไหว พ่อก็เป็นบ้าหลังจากแม่ตาย เธอเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตคนนึง และสามารถทำทุกอย่างได้อย่างที่ผู้ชายทำ เช่น ขี่ม้า ยิงปืน และเธอต้องรับปากแอชลี่ย์ว่าจะดูแลเมลานีกับลูกในท้องและน้องสาวสองคนและทาสที่ซื่อสัตย์อีกสามคน เธอจึงพยายามทุกทางที่จะได้เงินมารักษาแผ่นดิน แผ่นดินที่พ่อรักและเป็นที่ทำกินของครอบครัวมาตลอดสามชั่วอายุคน
เธอเคยไปขอความช่วยเหลือจากเร็ตต์ เร็ตต์เกือบเชื่อ แต่ได้เห็นมือของเธอเสียก่อน เขาจึงปฏิเสธเนื่องจากจับได้ว่าเธอโกหกว่าอยู่สุขสบาย อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เดินทางกลับบ้านมีพวกแยงกี้ได้ดักปล้นรถม้าของเธอ แต่ทาสของเธอที่ถูกเกณฑ์ไปรบนั้นได้มาช่วยไว้พอดี เธอจึงรอดออกมาได้ แต่คืนนั้น พวกแอชลี่ย์และสามีคนที่สองได้พากันไปเผาที่อยู่ของพวกนั้น แอชลี่ย์ถูกยิงที่ไหล่ และสามีของเธอถูกยิงที่หัว ตายคาร่องน้ำข้างถนน แอชลี่ย์รอดมาได้เพราะเร็ตต์ไปช่วยไว้ทัน
ต่อมาเร็ตต์มาขอแต่งงาน เธอจึงยอมตกลงแต่ง และวิมานอันแสนหวานของเธอกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนไปได้สวย มีลูกสาว มีครอบครัวอบอุ่น แต่เธอก็ยังรักแอชลี่ย์เหมือนเดิม แต่ วิมานของเธอก็พังสลายอีกครั้ง เมื่อเธอแท้งลูกคนที่สองเพราะทะเลาะกับเร็ตต์ ไม่นานนัก ลูกคนแรกก็ตกม้าตาย หัวใจเธอแหลกสลาย รวมทั้งเร็ตต์ก็เหมือนจะบ้า และเมลานีตายในเวลาถัดมา ก่อนที่เมลานีจะตายนั้น เธอได้ฝากลูกชายและแอชลี่ย์ให้สการ์เล็ตดูแล และยังบอกสการ์เล็ตว่าเร็ตต์รักสการ์เล็กมาก เธอได้ยินดังนั้นจึงรู้ใจตัวเองทันทีว่าเธอนั้นรักเร็ตต์นานแล้ว แต่ด้วยทิฐิที่มีจึงปากอย่างใจอย่าง เธอบอกรักเร็ตต์ในวันที่เขาจะจากไป คำว่ารักคำเดียวไม่สามารถรั้งเร็ตต์ให้อยู่ได้ เพราะเขาคิดว่าเมื่อเมลานีตาย สการ์เล็ตก็จะได้คบกับแอชลี่ย์อย่างเปิดเผย และจึงเลือกที่จะจากไป กลับไปบ้านเกิดที่ชาร์ลตัน และเลือกที่จะไม่เชื่อในคำว่ารักของเธอ
รางวัล
วิมานลอย ได้รับรางวัลอีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่มีชื่อเสียง คือ
- รางวัลออสการ์ ชนะเลิศ 10 รางวัล มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ขณะนั้น จนกระทั่ง เบนเฮอร์ ทำลายสถิตินี้ในปี 1959
หมายเหตุอธิบาย
- ↑ โลวส์เคยเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจีเอ็ม[2]
อ้างอิง
การอ้างอิง
อ่านเพิ่มเติม
|
---|
1927–1940 | |
---|
1941–1960 | |
---|
1961–1980 | |
---|
1981–2000 | |
---|
2001–ปัจจุบัน | |
---|