ฉวีวรรณ ดอกไม้งาม หรือ ฉวีวรรณ สามโกเศศ เป็นที่รู้จักในชื่อ มานี สุมนนัฏ (27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 – 23 มิถุนายน พ.ศ. 2533) เป็นนักแสดงหญิงชาวไทยสังกัดบริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง จำกัด มีผลงานแสดงภาพยนตร์และร้องเพลงประกอบ[1] ช่วงปี พ.ศ. 2478–2481 เธอได้รับสมญาว่าเป็น "ดาวจรัสแสงแห่งศรีกรุง" และ "ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทย"[2]
ประวัติ
มานีเกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 ที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ มีชื่อจริงแต่แรกเกิดว่าฉวีวรรณ ดอกไม้งาม บิดาเป็นพ่อค้าไม้ เธอมีน้องสาวคนหนึ่งชื่ออนงค์ มารดาของอัญชลี จงคดีกิจ นักร้องและนักแสดงหญิงชาวไทย[3]
ส่วนตัวมานีชอบภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจ มักตามมารดาไปดูภาพยนตร์บ่อย ๆ
มานีสมรสกับสง่า สามโกเศศ และมิได้กลับหวนคืนสู่วงการอีกเลย กระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคชราอย่างสงบ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2533 ขณะอายุ 74 ปี[4]
การทำงาน
พ.ศ. 2477 เธอได้พบกับหลวงภรตกรรมโกศล (มงคล สุมนนัฏ) ผู้เป็นทั้งนักแสดงในเรื่องและเป็นผู้นำหนังเรื่อง ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มาเร่ฉายที่ปากน้ำโพ ได้ชักชวนเธอเข้ามาสู่วงการ โดยฝากกับมานิต วสุวัต ผู้อำนวยการบริษัทศรีกรุง ใช้ชื่อว่า "มานี สุมนนัฏ"
ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก พญาน้อยชมตลาด ของศรีกรุง ออกฉายในปี พ.ศ. 2478 ได้รับคำวิจารณ์ชื่นชมความสามารถจากหนังสือพิมพ์อิสสระ ฉบับเดือนตุลาคมว่า "....มานีได้ถึงแล้วซึ่งการเป็นที่พอใจของเวทีภาพยนตร์ เธอแสดงความองอาจอย่างที่จะหาความองอาจจากหญิงไทยได้ยาก บทปลูกเสน่หายาใจที่เธอจะพึงแสดงตามบทนั้น แม่หญิงสาวของเราคนนี้ได้สละทุกอย่างเพื่อวางสภาพความจริงให้คงไว้และเป็นไปตามหลักฐานภาพยนตร์ที่ดี" ด้วยเหตุนี้มานีจึงเป็นนักแสดงระดับดาราคนแรกของประเทศไทย[5]
จากความตั้งใจในการแสดง ทำให้เธอเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทจากภาพยนตร์เรื่อง เมืองแม่หม้าย จนได้ฉายาว่า "ดาวจรัสแสงแห่งศรีกรุง" และรับสิทธิพิเศษในการนั่งเก้าอี้พิเศษแบบฮอลลิวูดที่จะมอบแด่ผู้กำกับชั้นนำของโรงถ่าย[1] หลังจากนั้นได้แสดงคู่กับจำรัส สุวคนธ์ ครั้งแรกในภาพยนตร์รักตลก กลัวเมีย ออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2479 ทุกเรื่องล้วนทำรายได้ดีและสร้างชื่อเสียงแก่นักแสดงอย่างยิ่งโดยเฉพาะเรื่องหลังสุด
ตั้งแต่นั้นมาชื่อ "มานี-จำรัส" ได้รับการจารึกในฐานะดาราคู่ขวัญคู่แรกของวงการภาพยนตร์ไทย บทบาทการแสดงโด่งดังถึงจุดสูงสุดเมื่อได้แสดงร่วมกันในภาพยนตร์เพลง "ระดับซูเปอร์" ที่ใช้ทุนสูงกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา เพลงหวานใจ ออกฉายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2480 ซึ่งประสบความสำเร็จมากอีกเช่นเคย และนับเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์ไทยที่นางเอกชั้นนำใส่ชุดทูพีชชิ้นน้อยนิดซึ่งเป็นแฟชั่นใหม่ล่าสุดเข้าฉากถ่ายทำ[6] เธอเคยกล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไว้ว่า "ดิฉันนึกในใจว่า ถ้าเราแสดงไม่ดี ผู้กำกับก็ต้องลอยคออยู่ในน้ำอาจถึง 2–3 ชั่วโมงก็ได้"[1]
จากชื่อเสียงของมานี-จำรัส พวกเขาได้กลายเป็นผู้นำการแต่งกายที่ล้ำยุคของประชาชนยุคนั้น กล่าวคือบุรุษจะหวีผมแสกกลางเรียบแปล้ ไว้หนวดเรียวริมฝีปากอย่างนักแสดงฮอลลิวูด ส่วนสตรีจะเขียนคิ้วโก่ง ไว้ผมทรงชิงเกิล ใส่เสื้อเอวจัมพ์ และสวมชุดว่ายน้ำอวดขาอ่อนตามอย่างนักแสดง[7]
ในที่สุด มานีได้ตัดสินใจเลือกยุติชีวิตการแสดงไว้กับภาพยนตร์รักตลกเรื่อง หลอกเมีย คู่กับจำรัส สุวคนธ์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสมรสกับสง่า สามโกเศศแล้วออกจากวงการบันเทิงไป
สิ่งสืบเนื่อง
จากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่อง เพลงหวานใจ กับจำรัส สุวคนธ์ ซึ่งเป็นดาราคู่ขวัญและกลายเป็นภาพจำ ด้วยเหตุนี้โรงภาพยนตร์ศรีศาลายาจึงได้มีการก่อสร้างสระประติมากรรม โดยจำลองมาจากฉากหนึ่งในภาพยนตร์ดังกล่าว ที่เรืออากาศเอกของไทย (จำรัส สุวคนธ์) ผู้ขับเครื่องตกในประเทศสมมติชื่อซานคอซซาร์ แล้วพบกับพระราชินี (มานี สุมนนัฏ) ที่กำลังสรงน้ำอยู่ริมห้วย ด้วยเหตุนี้สระประติมากรรมนั้นจึงสร้างให้เป็นรูปปั้นสตรีแช่อยู่ในสระน้ำ[2]
และในวาระครบ 100 ปีชาตกาลเมื่อปี พ.ศ. 2558 ไปรษณีย์ไทยจึงได้จัดทำดวงตราไปรษณียากรชุดพิเศษ "100 ปี มานี สุมนนัฏ ดาราดวงแรกแห่งโลกภาพยนตร์ไทย" แก่หอภาพยนตร์ โดยมีทั้งหมดสี่ดวงที่นำเสนอภาพยนตร์ที่มานีแสดงไว้[8]
ผลงาน
- ภาพยนตร์
ปี
|
เรื่อง
|
บทบาท
|
2478
|
พญาน้อยชมตลาด
|
เม้ยเจิง
|
เมืองแม่หม้าย
|
นางพญาแห่งเมืองลับแล
|
2479
|
กลัวเมีย
|
ภรรยา
|
2480
|
เพลงหวานใจ
|
ราชินีแห่งซานคอซซาร์
|
2481
|
หลอกเมีย
|
ลาวรรณ
|
- เพลงประกอบ
ปี
|
ชื่อ
|
2478
|
"มอญกล่อมวัง" (ประกอบภาพยนตร์เรื่อง พญาน้อยชมตลาด)
|
"บวงสรวง" (ประกอบภาพยนตร์เรื่อง เมืองแม่หม้าย)
|
2479
|
"ใจสนองใจ" (ประกอบภาพยนตร์เรื่อง กลัวเมีย)
|
"ชื่นชีวิต" (ประกอบภาพยนตร์เรื่อง กลัวเมีย)
|
อ้างอิง