พายสตาร์เกซี (อังกฤษ : stargazy pie หรือ starrey gazey pie , stargazey pie ; คอร์นวอลล์ : starry gazee py ) เป็นอาหารของชาวคอร์นวอลล์ที่ทำจากปลาพิลชาร์ด (ปลาซาร์ดีนยุโรป ) อบพร้อมด้วยไข่ มันฝรั่งและปิดด้วยแป้งพาย มีการใช้ปลาชนิดอื่นในการปรุงเช่นกัน ลักษณะเฉพาะของพายสตาร์เกซี คือมีหัวปลา (และบางครั้งมีหางปลา) ยื่นออกมาจากแผ่นแป้ง เหมือนกับว่าปลาเหล่านั้นกำลังจ้องมองดวงดาวตามชื่อของพาย
อาหารชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากหมู่บ้านเมาส์โฮล (อังกฤษ : Mousehole , คอร์นวอลล์ : Porthenys ) ในเทศมณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ และนิยมรับประทานกันในวันเทศกาลทอมบอว์ค็อกส์อีฟ (Tom Bawcock's Eve) เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของชายผู้หนึ่งในหมู่บ้านซึ่งออกจับปลาในช่วงฤดูหนาวที่มีพายุรุนแรง เทศกาลในยุคสมัยใหม่จะมีการประดับไฟในหมู่บ้านเมาส์โฮล ปลาที่จับได้ทั้งหมดจะถูกอบเป็นพายสตาร์เกซีขนาดใหญ่ที่มีปลาเจ็ดชนิดซึ่งสามารถเลี้ยงผู้คนได้ทั้งหมู่บ้าน
เรื่องราวของบอว์ค็อกส์ได้รับความนิยมจากหนังสือเด็กเรื่อง The Mousehole Cat ของแอนโทเนีย บาร์เบอร์ (Antonia Barber) ซึ่งในเรื่องมีการกล่าวถึงพายสตาร์เกซี
ในปี ค.ศ. 2007 มาร์ก ฮิกซ์ (Mark Hix) ผู้เข้าแข่งขันรายการ Great British Menu ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี ชนะเลิศด้วยอาหารที่ประยุกต์จากพายชนิดนี้
คำอธิบาย
พายสตาร์เกซี เป็นพายปลาที่ทำโดยการอบ ตามธรรมเนียมแล้วจะใช้ปลาพิลชาร์ดทั้งตัวโดยจะต้องรักษาหัวปลาพิลชาร์ตไว้ ดังนั้นจึงมีการทำโดยโผล่หัวปลาทางด้านบนของแผ่นแป้งพาย ลักษณะของหัวปลาทำให้ดูเหมือนกำลัง "ดูดาว" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ การจัดวางช่วยให้น้ำมันปลา ที่ไหลออกมาระหว่างการปรุงอาหารลงสู่เนื้อพาย เพิ่มรสชาติที่เข้มข้นขึ้นและทำให้พายชุ่มชื้น[ 1] ริก สไตน์ (Rick Stein) เชฟที่มีชื่อเสียงแนะนำให้ใส่หางของปลาพิลชาร์ดโผล่จากแป้งพายเพื่อให้ดูเหมือนปลากำลังกระโจนผ่านน้ำ[ 2]
แม้ว่ามูลนิธิบริติชฟูดทรัสต์ (The British Food Trust) จะอธิบายอาหารจานนี้ว่าทั้งสนุกและน่าขบขันสำหรับเด็ก ๆ[ 1] แต่เมนูนี้ก็ถูกจัดอยู่ในคอลัมน์ Yuck! Disgusting things people eat ซึ่งเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กเดลินิวส์ (The New York Daily News ) โดยนำเนื้อหามาจากหนังสือของนีล เซตช์ฟิลด์ (Neil Setchfield) นักเขียนชาวอเมริกัน[ 3] [ 4] ในเทศกาลทอมบอว์ค็อกส์อีฟมักจะมีการเสิร์ฟพายนี้ในร้านเดอะชิปอินน์ (The Ship Inn) ซึ่งเป็นผับแห่งเดียวในหมู่บ้านเมาส์โฮลเพื่อเป็นการหวนรำลึกถึงตำนาน[ 5]
ต้นกำเนิด
พายสตาร์เกซีต้องมีหัวปลาพิลชาร์ด
พายมีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านชาวประมงเมาส์โฮลซึ่งเป็นแหล่งมรดกของชาวคอร์นวอลล์ ตำนานได้กล่าวถึงต้นกำเนิดของพายโดยจะทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความกล้าหาญของทอม บอว์ค็อก (Tom Bawcock) ชาวประมงท้องถิ่นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตำนานเล่าว่าฤดูหนาววันหนึ่งมีพายุหนักเป็นพิเศษ ทำให้ไม่มีเรือประมงลำใดสามารถออกจากท่าเรือได้ เมื่อวันคริสต์มาส ใกล้เข้ามา ชาวบ้านซึ่งอาศัยปลาเป็นแหล่งอาหารหลักจึงเผชิญกับความอดอยาก[ 6]
ในวันที่ 23 ธันวาคม ทอม บอว์ค็อก ตัดสินใจฝ่าพายุออกไปด้วยเรือหาปลาของเขา แม้ว่าจะมีความยากลำบากจากคลื่นลมรุนแรง แต่เขาก็สามารถจับปลาได้มากพอที่จะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ปลาที่จับได้ทั้งหมด (รวมถึงปลาเจ็ดชนิด) ถูกอบเป็นพายซึ่งมีหัวปลาโผล่ออกมาเพื่อพิสูจน์ว่ามีปลาอยู่ข้างใน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทศกาลทอมบอว์ค็อกอีฟ จะจัดขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมที่หมู่บ้านเมาส์โฮล เพื่อเฉลิมฉลองและรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่พายสตาร์เกซีขนาดใหญ่พร้อมกับโคมไฟที่ประดิษฐ์เองในช่วงเย็น ก่อนที่จะร่วมกันรับประทานพาย[ 6] [ 7] [ 8]
งานเฉลิมฉลองในสมัยโบราณนั้นจัดขึ้นโดยชาวประมงในช่วงปลายเดือนธันวาคม จะมีพายที่ปรุงด้วยปลาชนิดต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงความหวังที่จะจับปลาได้หลากหลายชนิดในปีถัดไป มีความเป็นไปได้ที่เทศกาลทอมบอว์ค็อกอีฟ จะสืบทอดมาจากเทศกาลเหล่านั้น[ 9] ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 เทศกาลทอมบอว์ค็อกอีฟจัดขึ้นโดยมีฉากหลังเป็นหมู่บ้านเมาส์โฮลซึ่งมีการประดับไฟทั้งท่าเรือพร้อมกับการแสดงอื่น ๆ อีกมากมาย[ 10] จะมีไฟชุดหนึ่งเป็นตัวแทนของพายด้วย โดยแสดงให้เห็นหัวและหางของปลาที่ยื่นออกมาจากจานพายภายใต้ดาว 6 ดวง[ 11]
มีการอ้างว่าเทศกาลทั้งหมดเป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยเจ้าของร้าน The Ship Inn ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 อย่างไรก็ตามงานเฉลิมฉลองได้รับการบันทึกโดยมอร์ตัน แนนซ์ (Morton Nance) นักเขียนเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมคอร์นวอลล์ในปี ค.ศ. 1927 ในนิตยสาร Old Cornwall โดยคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับงานเฉลิมฉลองซึ่งมีขึ้นก่อน ค.ศ. 1900 แม้ว่าเขาจะสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของทอม บอว์ค็อก โดยระบุว่าความจริงแล้วควรสะกดว่า "Beau Coc" นอกจากนี้เขายังยืนยันด้วยว่าต้นกำเนิดของเทศกาลมีมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์ศักราช แม้ว่าจะไม่มีความชัดเจนว่าขนมพายกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลนี้ในเวลาใด มอร์ตัน แนนซ์ได้ดำเนินการฟื้นฟูเพลงดั้งเดิมที่ร้องในเทศกาลทอมบอว์ค็อกอีฟ โดยใช้ทำนองเพลง ท้องถิ่น "wedding March"[ 12]
กล่าวว่าตำนานเกี่ยวกับพายสตาร์เกซีพร้อมกับพายอื่น ๆ ที่มีลักษณะไม่ปรกติของคอร์นวอลล์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ปีศาจ ไม่เคยมาที่คอร์นวอลล์ ในหนังสือของโรเบิร์ต ฮันต์ (Robert Hunt) เรื่อง Popular Romances of the West of England: The drolls, traditions, and superstitions of old Cornwall ซึ่งเป็นการรวบรวมประเพณีของชาวคอร์นวอลล์ ในบทที่มีชื่อว่า "The Devil's Coits, etc" อธิบายว่าปีศาจข้ามแม่น้ำทามาร์ มายังทอร์พอยต์ ผลจากการที่ถูกปีศาจค้นพบชาวคอร์นวอลล์จะใส่อะไรบางอย่างลงไปในพาย ซึ่งจะทำให้ปีศาจกลับออกไปที่เดวอน เมื่อพบว่าพวกเขาทำการตกแต่งพายที่ดูเหมือนปีศาจ[ 13] [ 14]
สูตรอาหาร
พายสตาร์เกซีก่อนนำเข้าเตาอบ มีหัวปลาซาร์ดีนโผล่ขึ้นด้านบน
ในตำนานดั้งเดิมพายประกอบด้วยปลาไหลทราย ปลาแมกเคอเรลแอตแลนติก ปลาพิลชาร์ด ปลาเฮร์ริง ปลาฉลามหนู และปลาลิง (Molva molva ) พร้อมด้วยปลาตัวที่เจ็ด โดยส่วนผสมหลักคือปลาพิลชาร์ด (ปลาซาร์ดีนยุโรป) แม้ว่าจะใช้ปลาแมคเคอเรลหรือปลาเฮร์ริงแทนก็ตาม ริชาร์ด สตีเวนสัน (Richard Stevenson) พ่อครัวที่ร้าน The Ship Inn ในหมู่บ้านเมาส์โฮล แนะนำว่าปลาสีขาวทุกชนิดจะใช้แทนเพื่อทำไส้พายได้ โดยเพิ่มปลาพิลชาร์ดหรือเฮร์ริงสำหรับการตกแต่ง โดยก่อนใส่ลงในพายควรลอกหนังปลาและเลาะก้างออกเพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น (เก็บส่วนหัวและหางปลาไว้) นอกจากปลาแล้วส่วนผสมดั้งเดิมอื่น ๆ ได้แก่ นมข้น ไข่ และมันฝรั่ง ต้ม[ 15]
มีสูตรอาหารที่หลากหลายสำหรับส่วนผสมแบบดั้งเดิม ซึ่งบางอย่างรวมถึงไข่ลวก เบคอน หัวหอม มัสตาร์ด หรือไวน์ขาว ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากปลา อาจเป็นกุ้งเครย์ฟิช เนื้อกระต่าย หรือเนื้อแกะ พายสตาร์เกซีมักจะปิดด้านบนด้วยแผ่นแป้งพาย โดยทั่วไปจะเป็นชอร์ตครัสต์ แต่บางครั้งก็เป็นพัฟ ซึ่งส่วนหัว (และในบางครั้งหาง) ของปลาจะยื่นออกมา[ 15]
สำหรับการตกแต่งมีคำแนะนำคือให้จัดปลาพิลชาร์ดโดยให้หางหันไปทางกึ่งกลางพายและให้หัวโผล่พ้นเปลือกรอบขอบ เนื่องจากมีทั้งมันฝรั่งและแป้งพายจึงสามารถเสิร์ฟจานนี้เดี่ยว ๆ หรือกับขนมปังกรอบ บางครั้งอาจเสิร์ฟพร้อมผักและเครื่องเคียงอื่น ๆ ที่แนะนำได้แก่ ชีสคอร์นิชยาร์ก ชัทนีย์รูบาร์บ ไข่ลวก หรือมะนาวฝาน[ 15] [ 16]
ในวัฒนธรรมดนตรี
แนนซี เคอร์ และเจมส์ เฟแกน (Nancy Kerr & James Fagan) บันทึกเพลง Starry Gazy Pie ในอัลบั้มชื่อเดียวกันในปี ค.ศ. 1997[ 17]
จิม คอสลีย์ (Jim Causley) กล่าวถึง "starry-gazey pie" ในเพลง My Young Man's a Cornishman ในอัลบั้ม Cyprus Well ในปี ค.ศ. 2013 เพลงนี้มาจากบทกวีของชาลส์ คอสลีย์ (Charles Causley) ญาติห่าง ๆ ของเขา
เบรนดา วูตตัน (Brenda Wootton) นักร้องชาวคอร์นวอลล์ บันทึกอัลบั้ม Starry-Gazey Pie ร่วมกับร็อบ บาร์ตเลตต์ (Rob Bartlett) ในปี ค.ศ. 1975[ 18]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 "Stargazey pie" . The British Food Trust. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ Stein, Rick (2005). Rick Stein's Food Heroes . BBC Books . ISBN 0-563-52175-9 .
↑ "Yuck! disgusting things people eat (number 9)" . New York Daily News . 24 สิงหาคม 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 26 ตุลาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ Setchfield, Neil (2010). Yuck! The things people eat . Merrell. ISBN 978-1-85894-524-8 .
↑ Berry, Oliver; Dixon, Belinda (2008). Devon, Cornwall & South West England . Lonely Planet . p. 48. ISBN 978-1-74104-873-5 . สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ 6.0 6.1 "The Story of Tom Bawcock" . BBC News . 2 ธันวาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ Kent, Michael (2008). Cornwall from the Coast Path . Alison Hodge Publishers. p. 103. ISBN 978-0-906720-68-4 .
↑ Trewin, Carol; Woolfitt, Adam (2005). Gourmet Cornwall . Alison Hodge Publishers. p. 16. ISBN 0-906720-39-7 .
↑ Paston-Williams, Sara (2006). Fish: Recipes from a Busy Island . National Trust Books . p. 21. ISBN 1-905400-07-1 . สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ "Mousehole village illuminations" . BBC News . 12 พฤศจิกายน 2009. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ "Mousehole comes to life with light" . BBC. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ Deane, Troy; Shaw, Tony (1975). The folklore of Cornwall . Batsford . ISBN 0-7134-3037-0 .
↑ Hunt, Robert (1871). Popular Romances of the West of England; or, The drolls, traditions, and superstitions of old Cornwall . London: John Camden Hotten. pp. 185–186.
↑ Croxford, Bob (1993). From Cornwall with love . Dundurn Press. ISBN 0-9521850-0-8 .
↑ 15.0 15.1 15.2 Trewing, Carol; Woolfitt, Adam (2006). Cornish Fishing and Seafood . Alison Hodge Publishers. p. 243. ISBN 0-906720-42-7 .
↑ "Stargazy pie" . Britain's Best Dish . ITV . สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2011 .
↑ "Nancy Kerr & James Fagan, Kate Fagan, The Fagan Family" . mainlynorfolk.info .
↑ "Brenda Wootton With Robert Bartlett - Starry-Gazey Pie" . discogs.com .
แหล่งข้อมูลอื่น