พระยาเทพวงศ์ เจ้าหลวงเทพวงศ์ หรือ เจ้าหลวงอุปเสน ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์แสนซ้าย ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ราชประวัติ
พระยาเทพวงศ์ มีพระนามเดิมว่า "เจ้าน้อยอุปเสน" และมีอีกพระนามว่า "เทพวงษ์" ซึ่งมาจากชื่อทางพระ เป็นโอรสของพระยาแสนซ้าย เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 1 แห่งราชวงศ์แสนซ้าย[2] และก่อนขึ้นเป็นพระยาแพร่ ทรงเคยดำรงตำแหน่งพระเมืองไชย (พระเมืองใจ) มาก่อน ตามที่พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) กล่าวว่า
"...เมืองแพร่นั้น เมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น พระยาแสนซ้ายได้เป็นเจ้าเมือง ครั้นถึงแก่กรรมแล้ว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตั้งพระเมืองใจบุตรพระยาแสนซ้ายเป็นพระยาแพร่..."[3]
พระองค์ทรงเป็นเจ้าหลวงที่มีปิยวาจา พูดไพเราะน่าฟัง พูดเก่ง พูดจาสิ่งใด ใครๆก็เชื่อฟังหมดจนชาวเมืองให้การเคารพนับถือ พับสาที่เก็บรักษาไว้ที่วัดดอยจ่าคำเรียกพระนามพระองค์ว่า "เจ้าหลวงลิ้นทอง (ลิ้นตอง)" อันเป็นนามที่สื่อถึงความสามารถด้านเจรจากับทุกฝ่ายผลประโยชน์ที่ลงตัวของกลุ่มชน มีผลสืบเนื่องให้เมืองแพร่ธำรงอยู่หนึ่งในห้าหัวเมืองประเทศราชล้านนา
พระยาเทพวงศ์ถึงแก่พิราลัย ในปี พ.ศ. 2359 พระอินทวิไชย ราชโอรสองค์โต จึงได้เสด็จขึ้นครองนครแพร่ต่อจากพระองค์เป็นพระยาอินทวิไชย ดังระบุในพับสาวัดดอยจำค่าว่า
"...เจ้าหลวงลิ้นทองเสวยเมืองอยู่ได้ ๔๕ ปี เถิงสวัรคต(สวรรต) ว่าง ๑ ปี เจ้าหลวงอินทวิไชยผู้เปนลูกขึ้นแทน..."
ราชโอรส-ธิดา
พระยาเทพวงศ์ ราชโอรส-ธิดา กับแม่เจ้าสุชาดา (ราชธิดาในพระยาศรีสุริยวงศ์ (พระเมืองไชย) เจ้าผู้ครองนครแพร่สมัยกรุงธนบุรี) ดังนี้
- เจ้าน้อยอินทวิไชย (อินต๊ะวิไจย) ต่อมาคือ พระยาอินทวิไชย เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 3 ราชเทวีคือแม่เจ้าสุพรรณวดี[4]
- เจ้าปิ่นแก้ว (อ้างอิงจากหนังสือเชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 สมัย เรียบเรียงโดยบัวผิว วงศ์พระถาง เจ้าไข่มุกต์ ประชาศรัยสรเดช และร.ต.ดวงแก้ว รัตนวงศ์) สมรสกับเจ้าวังขวา มีโอรส-ธิดา ดังนี
- เจ้าเขียว สมรสกับ พระวังขวา (เจ้าหนานคำแสน)
- เจ้าพิมพิสาร ต่อมาคือ พระยาพิมพิสารราชาเจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์แสนซ้าย ราชเทวีคือแม่เจ้าแก้วไหลมา
- เจ้าเรือนแก้ว สมรสกับ พระยาบุรีรัตน์ (เจ้าหนานปัญญา มหายศปัญญา)
- เจ้าแก้ววรรณา สมรสกับ พระวังซ้าย (เจ้าวังซ้ายเฒ่า)
- พระยาราชวงศ์ (เจ้าน้อยสุริยวงศ์) สมรสกับ เจ้าบัวคำ และเจ้าบัวจีน
ราชกรณียกิจ
- ทรงบูรณะวัดหัวข่วง(วัดสำเภา) และวัดศรีชุม(วัดท่านางเหลียว) เมืองแพร่
- ก่อนปีพ.ศ. 2353 มีการขุดเหมืองหลวง เพื่อให้ชาวเมืองได้ใช้น้ำโดยการผันน้ำจากลำน้ำแม่สาย
พระอิสริยยศ
- ก่อน พ.ศ. 2348 พระเมืองไชย (พระเมืองใจ)
- พ.ศ. 2348-2359 พระยานครแพร่
ราชตระกูล
อ้างอิง
- ↑ วรชาติ มีชูบท. เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2556. 428 หน้า. หน้า 20. ISBN 978-616-220-054-0
- ↑ ภูเดช แสนสา.เจ้าผู้ครองนครแพร่ยุคประเทศราชของสยาม ใน หมุดหมายประวัติศาสตร์ล้านนา: รวมบทความวิชาการในวาระครบรอบ ๖ ทศวรรษ ศาสตราจารย์สรัสวดี-รองศาสตราจารย์สมโชติ อ๋องสกุล. บริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกจำกัด (มหาชน), พ.ศ. 2556.
- ↑ พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ – ๒๔๑๑ ฉะบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ พิมพ์เป็นที่ระลึก ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงธรรมสารเนติ (อบ บุนนาค); วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดประยูรวงศาวาส; พิมพ์ที่โรงพิมพ์พระจันทร์ ท่าพระจันทร์ พระนคร
- ↑ "เจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง (ลิ้นทอง)". วังฟ่อนดอตคอม. 17 กรกฎาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2559.