พระพิมลธรรม นามเดิม ช้อย ฝอยทอง ฉายา ฐานทตฺโต เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายมหานิกาย ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ เช่น เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ เจ้าคณะตรวจการภาค 1 สังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การสาธารณูปการ และสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง
ประวัติ
พระพิมลธรรม มีนามเดิม ช้อย ฝอยทอง เกิดเมื่อวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ ตรงกับวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2434 เวลา 7.05 น. เป็นบุตรนายบุญธรรมกับนางพวง ฝอยทอง ภูมิลำเนาอยู่บ้านใหม่หางกระเบน หมู่ 5 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ 9 ขวบ ท่านได้เข้าศึกษากับพระอาจารย์น้อย วัดจันทร์ประเทศ จนอายุได้ 11 ปี จึงย้ายไปศึกษากับพระมหาหรุ่น ป.ธ. 5 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
พ.ศ. 2447 ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ฑิต อุทโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ ในปีนั้นพระมหาหรุ่นอาพาธต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด จึงฝากให้พระมหาเฮง เขมจารี เป็นผู้ปกครองแทน ถึงปี พ.ศ. 2454 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ฑิต อุทโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมเจดีย์ (เข้ม ธมฺมสโร) และพระศรีวิสุทธิวงศ์ (เฮง เขมจารี) เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์[1]
ขณะยังเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 17 ปีท่านสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค[2] อายุ 18 ปีสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค[3] และอายุ 20 ปีสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค[4] หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ขณะอายุได้ 21 ปี ท่านสอบได้อีกเป็นเปรียญธรรม 6 ประโยค ได้รับพระราชทานพัดหน้านางพื้นแพรเหลืองประดับเลื่อม มีนิตยภัตราคาเดือนละ 9 บาท[5]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นรองเจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2472[6] ต่อมาจึงตั้งเป็นเจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2474[7] เมื่อมณฑลนครสวรรค์ถูกยุบรวมเข้ากับมณฑลอยุธยา จึงโปรดให้ท่านออกจากตำแหน่งเดิม แล้วตั้งเป็นรองเจ้าคณะมณฑลอยุธยาแทนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2475[8]
สมณศักดิ์
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2463 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสมโพธิ์[9]
- 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชโมลี ศรีปาพจนาภรณ์ธรรมพาที ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี[10]
- 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโมลี ตรีปิฎกธาดา มหากถิกสุนทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[11]
- 19 กันยายน พ.ศ. 2478 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ ปรีชาญาณดิลก ตรีปิฎกคุณาลงกรณ์ ยติคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี[12]
- 19 ธันวาคม พ.ศ. 2488 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่ พระพิมลธรรมมหันตคุณ วิบุลยปรีชาญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูสิต ยติกิจสาทร มหาคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี[13]
มรณภาพ
พระพิมลธรรม ตรากตรำทำงานอย่างหนักจนเริ่มอาพาธ และเข้าโรงพยาบาลศิริราชในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2491 แพทย์ตรวจพบว่าท่านเป็นโรคปอดบวม แม้จะถวายการรักษาอย่างเต็มที่ อาการของท่านกลับทรุดลงต่อเนื่อง จนถึงเวลา 5.00 น. เศษ ของวันที่ 15 มกราคม ท่านกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายว่า
สังขารไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ขออย่ายึดถือเป็นสาระอะไรเลย
ทั้งสัทธิวิหาริก ทั้งอันเตวาสิก ทั้งท่านผู้เคารพนับถือ และทุก ๆ คน ฉันขอให้อโหสิกรรมในที่สุด
จากนั้นท่านก็ไม่กล่าวอะไรอีก จนกระทั่งมรณภาพในเวลา 5.40 น.[14] สิริอายุได้ 56 ปี 65 วัน
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- บรรณานุกรม
- กรมศิลปากร. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 450 หน้า. หน้า 196-201. ISBN 974-417-530-3
- พระพิมลธรรม ฐานทตฺตเถร. นิพนธ์ต่างเรื่อง. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, 2491. 400 หน้า. หน้า (1) - (12). [พิมพ์เป็นอนุสาวรีย์ในงานพระราชทานเพลิงศพขององค์ท่าน ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๑]