มีปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมากในประเทศรัสเซีย มีปัญหาหลายด้านที่ได้รับการอ้างว่ามาจากนโยบายในช่วงสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหล่าเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าการควบคุมมลพิษเป็นอุปสรรคซึ่งไม่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการทำให้เป็นอุตสาหกรรม เป็นผลให้ 40 เปอร์เซ็นต์ของดินแดนรัสเซียเริ่มแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดทางนิเวศวิทยาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ส่วนใหญ่เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งประกอบด้วย การทำลายป่า, ความไม่รับผิดชอบด้านพลังงาน, มลพิษ และกากกัมมันตรังสี[1]
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ประเทศรัสเซียมีพื้นที่คุ้มครองเป็นจำนวนมาก ดังเช่น ซาโปเวดนิค (เขตรักษาสัตว์ป่าและพรรณพืช ที่บริหารจัดการโดยรัฐบาลกลาง) และสวนธรรมชาติ โดยทำไว้เพื่อรักษาสภาวะธรรมชาติของสิ่งแวดล้อม ขณะนี้มีซาโปเวดนิค 101 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 33.5 ล้านเฮกตาร์[2] อย่างไรก็ตาม สัตว์บางชนิด ดังเช่น เสือโคร่งอามูร์, หมีขั้วโลก และเสือดาวเปอร์เซีย ต่างก็กำลังเผชิญกับการเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยทางรัฐบาลรัสเซียได้พยายามที่จะฟื้นฟูจำนวนประชากรของพวกมัน[3] การประชุมเพื่อการอนุรักษ์เสือโคร่งที่จัดขึ้นในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี ค.ศ. 2010 เพื่อหารือเกี่ยวกับการอนุรักษ์ประชากรเสือโคร่งที่มีจำนวนลดน้อยลง ซึ่งถูกคุกคามโดยตัดไม้ทำลายป่า และการรุกล้ำในประเทศรัสเซีย[4]
อ้างอิง