นิสสัน เอ็กซ์เทรล

นิสสัน เอ็กซ์เทรล
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตนิสสัน
เริ่มผลิตเมื่อพ.ศ. 2544 - ปัจจุบัน
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็ก (Compact SUV)
รูปแบบตัวถังเอสยูวี 4 ประตู
รุ่นที่คล้ายกันโตโยต้า ราฟโฟร์
ฮอนด้า ซีอาร์-วี
มาสด้า ทริบิวต์/CX-5
มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์/RVR
ซูซูกิ เอสคูโด้
ฮุนได ทูซอน
เกีย สปอร์ตเทจ
เชฟโรเลต แคปติวา
ฟอร์ด เอสเคป
สโกด้า เยติ
วอลโว่ XC60
ระยะเหตุการณ์
รุ่นก่อนหน้านิสสัน รัชชีน
รุ่นต่อไปนิสสัน โรก

นิสสัน เอ็กซ์เทรล (อังกฤษ: Nissan X-Trail) เป็นรถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็ก (Compact SUV) แบบ Crossover SUV ผลิตโดยนิสสัน โดยเริ่มผลิตและเปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2544 ในช่วงที่รถยนต์ประเภท SUV กำลังโด่งดัง ถือได้ว่าเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งของนิสสันที่มาถูกที่ ถูกเวลาและช่วยฟื้นฟูรายได้ให้กับนิสสันช่วงที่กำลังฟื้นฟูกิจการในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จนถึงทุกวันนี้ เอ็กซ์เทรลได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นหลักสำหรับตลาดโลกของ Nissan ไปแล้ว มีการส่งเข้าไปทำตลาดใน 167 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มียอดขายมาแล้วมากกว่า 800,000 คัน และครองตำแหน่งรถ SUV ที่ขายดีของญี่ปุ่นมาแล้ว 8 ปีซ้อนตั้งแต่รุ่นแรกด้วย

รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2544-2550)

นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่นที่ 1

นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่นที่ 1 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2544 ถูกสร้างขึ้นบนตัวถัง FF-MS Platform ร่วมกับ Nissan Primera P12 Nissan Sunny Neo และ Nissan Almera เครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 และ 2.5 ลิตร และยังมีเทอร์โบในรุ่น 2.0 ลิตรเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 และ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เป็นรถที่ประสบความสำเร็จในแทบทุกประเทศที่เข้าไปเปิดตัว ยกเว้นประเทศไทย

ในประเทศไทย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือสยามกลการในยุคนั้น มีดำริจะนำ X-Trail เข้ามาขายตั้งแต่ช่วงเปิดตัวใหม่ๆ เมื่อปี พ.ศ. 2544 แต่รถยนต์รุ่นนี้ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่โดนหางเลขจากความขัดแย้งระหว่างสยามกลการ ซึ่งมีคนตระกูลพรประภาถือหุ้นใหญ่ และบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น โดยทางฝั่งไทยได้ขอรถรุ่นนี้มาทำตลาด แต่บริษัทแม่ก็ไม่ยอม จนกระทั่งนิสสันญี่ปุ่นเข้ามาซื้อหุ้นและลงทุนเข้ามาเปิดกิจการผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ Nissan ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแทนสยามกลการซึ่งกลายเป็นดีลเลอร์รายหนึ่งไป ประกอบกับที่อินโดนีเซียขึ้นไลน์ประกอบเอ็กซ์เทรลรุ่น Minorchange แล้ว เอ็กซ์เทรลก็ได้มีโอกาสเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2548 แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเบนซินในไทย และตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้น ทำให้ความนิยมในรถ SUV เริ่มลดลงไป แต่ในเมื่อรถก็ถูกสั่งนำเข้ามาจากอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้วจึงต้องเดินหน้าทำตลาดต่อไป และการที่รถประกอบในอินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จในตลาดโลก ก็ถือเป็นเครื่องตอกย้ำความสำเร็จ แต่เมื่อมียอดขายที่น้อยมาก ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ทาง Nissan ถอดใจกับเอ็กซ์เทรลไป

รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2556)

นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่นที่ 2

นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2550 ถูกสร้างขึ้นบนตัวถัง C-Platform ร่วมกับ Nissan LaFesta Nissan Qashqai และ Nissan Rogue เผยโฉมครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2007 ก่อนจะออกสู่ตลาดญี่ปุ่นเพียงหลังจากนั้นไม่กี่เดือน และยังคงประสบความสำเร็จในตลาดโลกเช่นเดิม เพราะนิสสันได้ผลิตและส่งมอบเอ็กซ์เทรลแล้วถึง 140,000 คัน เฉพาะในญี่ปุ่นมียอดขายกว่า 27,000 คัน และครองตำแหน่ง SUV ขายดีในญี่ปุ่นแล้ว 2 ปีติดต่อกัน รุ่นนี้มีเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 และ 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT

ในประเทศไทย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเอ็กซ์เทรลกลับมาเปิดตัวอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2552 ยังคงสั่งนำเข้ามาจากอินโดนีเซียเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าการกลับมาในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อเป็นผู้เล่นตัวหลักในตลาดเหมือนในอดีต เพียงแค่อุดช่องว่างทางการตลาดของนิสสันเท่านั้น รุ่นที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยจะเป็นรุ่น 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT และขับเคลื่อนล้อหน้า เนื่องจากกลุ่มที่ซื้อรถ SUV ในไทยมักไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อแต่ไม่ได้นำไปลุยป่าลุยทุ่งมากนัก ใช้งานในเมืองเป็นหลัก น่าจะเพียงพอแล้ว อีกทั้งที่ผ่านมา ยอดขายในไทยและอินโดนีเซียจะขายรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าได้ดีกว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ดังนั้นจึงไม่ต้องจำเป็นที่จะนำเข้ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามา ต่อมาได้มีการ Minorchange ในปี พ.ศ. 2554 แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากออพชันของรถน้อย และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ยังไม่เด่นชัดนัก แต่ในรุ่นต่อไปซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี พ.ศ. 2557 นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) มีแผนจะนำเอ็กซ์เทรลมาประกอบในประเทศไทย แน่นอนว่าจะเป็น SUV แบบ 7 ที่นั่ง และเป็นการกลับมาแข่งขันกับคู่แข่งระดับแถวหน้าอีกครั้ง ทำให้ CR-V CX-5 และ Captiva หนาวได้เลย

รุ่นที่ 3 (T32; พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน)

รุ่นที่ 3 (T32)
ภาพรวม
เรียกอีกชื่อNissan Rogue
เริ่มผลิตเมื่อ
  • 2013–2020
  • 2014–ปัจจุบัน (จีน)
  • 2014–2019 (อินโดนีเซีย)
  • 2014–2020 (ประเทศไทย)
  • 2014–2021 (ฟิลิปปินส์)
แหล่งผลิตJapan: Kanda, Fukuoka (Nissan Shatai)
China: Dalian/Zhengzhou (DMCL)
Indonesia: Purwakarta (NMI)
Malaysia: Serendah (TCMA)
Russia: Saint Petersburg (Nissan Manufacturing Rus OOO)
Taiwan: Miaoli (Yulon)
Thailand: Samut Prakan (NMT ผลิตจนถึงปี พ.ศ. 2563)
Smyrna, Tennessee, United States (Nissan USA)[1]
Busan, South Korea (RSM)[2]
ผู้ออกแบบKeisuke Otsuki
ตัวถังและช่วงล่าง
แพลตฟอร์มNissan CMF platform (CMF-CD)
รุ่นที่คล้ายกัน
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
  • Petrol
  • 1.3L HR13DDT 160 hp (117 kW) I4 (เฉพาะยุโรป)
  • 1.6L MR16DDT 163 hp (120 kW) I4 (เฉพาะยุโรป)
  • 2.0L MR20DD 143 hp (106 kW) I4 (144 hp สำหรับ X-Trail Hybrid)
  • 2.5L QR25DE 170 hp (126 kW) I4
  • Diesel
  • 1.6L Y9M 130 bhp (96 kW) I4
  • 2.0L 177 bhp (130kW) I4
ระบบเกียร์
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริดไฮบริดแบบขนาน (X-Trail Hybrid)
มิติ
ระยะฐานล้อ2,705 mm (106.5 in)
ความยาว4,641 mm (182.7 in)
ความกว้าง1,820 mm (71.65 in)
ความสูง1,709 mm (67.3 in)
ระยะเหตุการณ์
รุ่นก่อนหน้านิสสัน แคชไค +2 (7 passenger models only)
Pre-facelift Nissan X-Trail ST (Australia)

การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนนี้ตามกันมาติดๆ ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร บางค่ายก็เปิดตัวชนกันวันเดียวกันเลย รถที่เปิดตัวในช่วงนี้ส่วนใญ่จะเป็นรถในกลุ่มรถอเนกประสงค์ทั้งเล็กใหญ่ และรถกระบะ สำหรับรุ่นที่จะเขียนถึงในครั้งนี้คือ All New Nissan X-Trail รถอเนกประสงค์ประเภทจากค่ายนิสสันที่มากระตุ้นตลาด SUV ให้คึกคักในช่วงปลายปี All New Nissan X-Trail ที่จะจำหน่ายในไทยมี 4 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นและราคามีดังนี้

      – 2.0S CVT 2WD ราคา 1,172,000 บาท
      – 2.0E CVT 2WD ราคา 1,246,000 บาท
      – 2.0V CVT 4WD ราคา 1,325,000 บาท
      – 2.5V CVT 4WD ราคา 1,551,000 บาท

ทางด้านคุณสมบัติและอุปกรณ์มาตรฐาน All New Nissan X-Trail มีให้อย่างครบครัน ในส่วนของภายนอกมาพร้อมซันรูฟแบบพาโนรามิคและระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch แต่ว่ามีให้เฉพาะรุ่นท็อปรุ่นเดียวเท่านั้น อีกออฟชั่นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติระบบนี้มีให้ใน 2 รุ่นบน มาพร้อมระบบจดจำระดับความสูงในการเปิดและระบบป้องกันการหนีบ ภายในห้องโดยสารอุปกรณ์จัดครบจัดเต็มมีทั้งอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและอำนวยความสะดวกสบาย ระบบเครื่องเสียงมาพร้อมหน้าจอ Touch Screen ขนาด 5 และ 7 นิ้ว รองรับระบบ Nissan Connect สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก ระบบปรับอากาศเป็นแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับได้แบบ 40 : 20 : 40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับได้แบบ 50 : 50 เพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้พื้นที่วางสัมภาระ ในส่วนของเครื่องยนต์เป็นเครื่องเบนซินทั้งหมดมี 2 พิกัดให้เลือกคือ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร เครื่อง 2.0 ลิตรเป็นเครื่องยนต์แบบ Direct Injection ส่วนเครื่อง 2.5 ลิตรเป็นระบบหัวฉีดแบบปกติ ซึ่งจะมีอยู่ในรุ่นท็อปเท่านั้น ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์และออฟชั่นแล้ว All New Nissan X-Trail น่าจะเป็นที่พึงพอใจของผู้ที่กำลังสนใจรถประเภทนี้และน่าจะแชร์ส่วนแบ่งตลาดได้ไม่น้อย Nissan X-Trail รุ่นที่ 3 นี้เริ่มเผยโฉมครั้งแรกทั่วโลก เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2013 ก่อนจะเริ่มเผยสเป็คเวอร์ชันญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก เมื่อ 24 ตุลาคม 2013 จากนั้นในที่สุดก็มาเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2014 และในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2015 ก็ได้เปิดตัว X-Trail Hybrid ในไทยตามมา ตามกำหนดการปกติแล้ว Nissan X-Trail Minorchange จะต้องเปิดตัวในไทย ช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสาเหตุบางประการทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวมาเป็นช่วงต้นปี 2019 นี้แทน

รุ่นปรับโฉม

รุ่นปรับโฉม

Nissan ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว รถเอสยูวี รุ่นปรับโฉมใหม่ อย่าง Nissan X-Trail ครั้งแรกที่ประเทศไทย ที่ใครหลายคนต่างก็เฝ้ารอคอยกันมานาน ซึ่งแน่นอนอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นคนไทยก็จะได้สัมผัสกันตัวเป็นๆ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2019

ประกาศยุติการทำตลาดในประเทศไทย

หลังนิสสันไทย ประกาศเลิกทำตลาด Nissan X-Trail เนื่องจากยอดขายลดลง Nissan ประเทศไทย ก็ต้องปรับตัวตามทิศทางตลาดโลกด้วยเช่นเดียวกัน โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า ” เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงานทางการตลาด และ การขายในประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาว ของกลุ่ม บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ในภูมิภาคเอเชีย โดยได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้อง กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาค และ จะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับรถยนต์ในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก และ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงรถยนต์พลังงานทางเลือก และ พลังงานไฟฟ้าในอนาคต “ จึงขอแจ้งการหยุดการผลิตและยกเลิกการจัดจำหน่ายรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

รุ่นที่ 4 (T33; พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน)

รุ่นที่ 4 (T33)
ภาพรวม
เรียกอีกชื่อNissan Rogue
เริ่มผลิตเมื่อเมษายน พ.ศ. 2564 – ปัจจุบัน
รุ่นปี2022–ปัจจุบัน
แหล่งผลิต
ผู้ออกแบบLars Taubert, Takeo Horie and Shinya Momokawa[5]
ตัวถังและช่วงล่าง
แพลตฟอร์มRenault–Nissan CMF-CD platform
รุ่นที่คล้ายกันNissan Qashqai (J12)
Mitsubishi Outlander (fourth generation)
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์
มอเตอร์ไฟฟ้า
  • Nissan EM motor มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า e-POWER electric-drive
  • BM46 AC3 Synchronous Motor 149 kW (200 hp; 203 PS) (มอเตอร์หน้า)
  • Nissan EM motor มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ e-POWER e-4ORCE electric-drive
  • BM46 AC3 Synchronous Motor 149 kW (200 hp; 203 PS) (มอเตอร์หน้า)
  • MM48 AC3 Synchronous Motor 99 kW (133 hp; 135 PS) (มอเตอร์หลัง)
กำลัง
  • 103 kW (138 hp; 140 PS) (PR25DD)
  • 103 kW (138 hp; 140 PS) (KR15DDT)
  • 104 kW (139 hp; 141 PS) (KH5T e-Power: เครื่องยนต์)
  • 149 kW (200 hp; 203 PS) (KH5T e-Power: มอเตอร์ไฟฟ้า electric-drive)
  • 248 kW (333 hp; 337 PS) (KH5T e-Power: มอเตอร์ไฟฟ้า e-4ORCE)
ระบบเกียร์
  • Xtronic CVT
  • อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction (X-Trail e-POWER)
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริดไฮบริดแบบอนุกรม (e-Power)
แบตเตอรี่2 kWh Panasonic 4 Module 96 Cells ลิเทียม-ไอออน (e-Power)
มิติ
ระยะฐานล้อ2,706 mm (106.5 in)
ความยาว4,681 mm (184.3 in)
ความกว้าง1,840 mm (72.4 in)
ความสูง1,730 mm (68.1 in)
Rear view
Interior

เดินทางมาถึงเจเนอร์เรชั่นที่ 4 แล้ว กับ X-Trail รหัสตัวถัง T33 ซึ่งบ้านเราคงหมดหวังกับการกลับมาทำตลาดของ Nissan ประเทศไทย แต่ทว่าในประเทศออสเตรเลียยังคงมีโอกาสได้สัมผัสโฉมใหม่ของ SUV ยอดนิยม ต่อไป แต่ทว่าขุมพลังที่มีให้เลือกเพียงแบบเดียวนั้น กลับใช้เบนซิน 2.5 ลิตร บล๊อคเดิมแต่จูนเพิ่มแรงม้าและแรงบิด ซึ่งใช้ร่วมกับ Mitsubishi Outlander โฉมใหม่ ที่ทำตลาดในประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน

X-Trail T33 สร้างบนพื้นฐาน CMF-C Platform โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ตลาดอเมริกาเหนือ ในชื่อ Rogue เมื่อปี 2020 กับขุมพลังเบนซิน 2.5 ไร้ระบบอัดอากาศ PR25DD ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร จนกระทั่งยกเลิกไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา และถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ KR15DDT

วันที่ 20 กรกฎาคม 2022 เวลา 13:00 น. Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัว Nissan X-Trail รุ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังแบบใหม่ Second generation e-POWER ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์คู่ โดยจะเริ่มวางขายในญี่ปุ่นในวันที่ 25 กรกฎาคม 2022

e-POWER 4WD

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส KR15DDT 3 สูบ DOHC ขนาด1.5 ลิตร 1,497 ซีซี ระยะกระบอกสูบ x ช่วงชัก: 84.0×90.1 มิลลิเมตร พ่วงระบบอัดอากาศ VC turbo ให้กำลังสูงสุด 142 แรงม้า(PS) ที่ 4400-5000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 2400-4000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่ เพื่อส่งกำลังไปยังระบบขับเคลื่อน e-POWER

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ e-POWER e-4ORCE electric-drive รุ่นใหม่

มอเตอร์หน้า รหัส BM46 ให้กำลังสูงสุด 203 แรงม้า ที่ 4501-7422 รอบ/นาที แรงบิด 330 นิวตันเมตรที่ 0-3505 รอบ/นาที มอเตอร์หลัง รหัส MM48 ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้า ที่ 4897-9504 รอบ/นาที แรงบิด 195 นิวตันเมตรที่ 0-4897 รอบ/นาที

อ้างอิง


แหล่งข้อมูลอื่น

Nissan X-Trail (ประเทศไทย) เก็บถาวร 2014-10-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน

  1. Lingeman, Jake (November 24, 2014). "Goin' rogue". Autoweek. 64 (23): 19.
  2. http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20140926000741
  3. Beresford, Colin (2021-03-03). "2021 Nissan Rogue Gets Safety Update after Two-Star NHTSA Result". Car and Driver (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-03-05.
  4. "U.S. production for all-new 2021 Nissan Rogue starts in Tennessee". GlobeNewswire News Room. 2020-09-22. สืบค้นเมื่อ 2021-01-05.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  5. "Design 202013682". IP Australia | Australian Design Search. สืบค้นเมื่อ 2021-10-06.

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!