หนังสือนางรูธบทที่ 1
นางรูธ 1 ม้วนหนังสือเขียนด้วยมือของหนังสือนางรูธโดยอาลักษณ์ Elihu Shannon แห่ง Kibbutz Saad, อิสราเอล (ราว ค.ศ. 2005)
หนังสือ หนังสือนางรูธ ภาคในคัมภีร์ฮีบรู Five Megillot ลำดับในภาคของคัมภีร์ฮีบรู 2 หมวดหมู่ เคทูวีม ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ พันธสัญญาเดิม ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์ 8
นางรูธ 1 (อังกฤษ : Ruth 1 ) เป็นบทแรกของหนังสือนางรูธ ในคัมภีร์ฮีบรู ของพันธสัญญาเดิม ในคัมภีร์ไบเบิล ของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเคทูวีม (ข้อเขียน )[ 3] [ 4] บทที่ 1 ของหนังสือนางรูธประกอบด้วยเรื่องราวที่เอลีเมเลค พ่อบิดาของรูธหนีการกันดารอาหารมาอาศัยที่โมอับ และเสียชีวิตที่นั่น (นางรูธ 1:1-5), นาโอมี กลับไปบ้านและรูธ ได้ติดตามไปด้วย (นางรูธ 1:6-18) แล้วพวกเธอก็มาถึงเบธเลเฮม (นางรูธ 1:19-22)[ 5]
ต้นฉบับ
บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู แบ่งออกเป็น 22 วรรค
รูปแบบของต้นฉบับ
บางต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรู เป็น Masoretic Text ได้แก่ Aleppo Codex (ศตวรรษที่ 10) และ Codex Leningradensis (ค.ศ. 1008) ชิ้นส่วนที่มีข้อความบางส่วนของบทนี้ในภาษาฮีบรูถูกพบในม้วนหนังสือเดดซี ได้แก่ 4Q104 (4QRutha ; ราว 50 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีวรรคที่หลงเหลือคือ 1–12[ 7] [ 8] [ 9] และ 4Q105 (4QRuthb ; 30 ปีก่อนคริสตกาล- ค.ศ. 68) ซึ่งมีวรรคที่หลงเหลือคือ 1‑6, 12‑15,[ 7] โดยมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจาก Masoretic Text
ยังมีฉบับแปลเป็นภาษากรีกคอยนี ที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) ต้นฉบับโบราณที่หลงเหลืออยู่ของเซปทัวจินต์ ได้แก่
There is also a translation into Koine Greek known as the Septuagint , made in the last few centuries BC. Extant ancient manuscripts of the Septuagint version include Codex Vaticanus (B ;
G
{\displaystyle {\mathfrak {G}}}
B ; ศตวรรษที่ 4) และ Codex Alexandrinus (A ;
G
{\displaystyle {\mathfrak {G}}}
A ; ศตวรรษที่ 5)[ a]
ชุดสามเรื่องของเบธเลเฮม
วรรค 1
ภาพวาดคัมภีร์ไบเบิลของนางรูธ 1:1, Sweet Media (1984)
ในสมัยที่พวกผู้วินิจฉัยครอบครองอยู่นั้น เกิดกันดารอาหารขึ้นในแผ่นดิน มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ ไปอาศัยอยู่ในดินแดนโมอับพร้อมกับภรรยาและบุตรชายสองคน [ 15]
"ในสมัยที่พวกผู้วินิจฉัยครอบครองอยู่นั้น": แปลตรงตัวว่า "เมื่อผู้วินิจฉัยทำการวินิจฉัย"[ 16] [ 17] เรื่องเล่าในหนังสือนางรูธเกิดขึ้นในช่วงต้นของยุคผู้วินิจฉัย แม้ว่าไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่ชัดได้[ 5]
วรรค 2
ชายคนนั้นชื่อเอลีเมเลค ภรรยาชื่อนาโอมี บุตรสองคนชื่อมาห์โลนและคิลิโอน เป็นชาวเอฟราธาห์จากเมืองเบธเลเฮมในยูดาห์ พวกเขาเดินทางเข้าไปในดินแดนโมอับและอาศัยอยู่ที่นั่น [ 18]
วรรค 3
แต่เอลีเมเลค สามีของนางนาโอมีตาย ทิ้งนางไว้กับบุตรชายทั้งสอง [ 19]
วรรค 4
บุตรชายสองคนนี้ แต่งงานกับหญิงชาวโมอับ คนหนึ่งชื่อว่าโอรปาห์ และอีกคนหนึ่งชื่อรูธ เขาทั้งหลายอยู่ที่นั่นประมาณสิบปี [ 20]
วรรค 5
แล้วมาห์โลนและคิลิโอนก็ตาย เหลือแต่นาโอมีที่ต้องอยู่อย่างไม่มีสามีและบุตรชายทั้งสอง [ 21]
วรรค 6
แล้วนางพร้อมกับบุตรสะใภ้ทั้งสอง ก็ลุกขึ้นเดินทางกลับจากดินแดนโมอับ เพราะว่าเมื่ออยู่ที่โมอับนั้น นางได้ยินว่า พระยาห์เวห์ได้ทรงเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์ และประทานอาหารแก่เขาทั้งหลาย [ 22]
"บุตรสะใภ้": จากภาษาฮีบรู כַּלּתֶיהָ - แปลตรงตัวว่า "เจ้าสาวของเธอ" มีความหมายว่า "เจ้าสาวของบุตรชายของเธอ"[ 16]
วรรค 16
ภาพวาดคัมภีร์ไบเบิลของนางรูธ 1: รูธยังอยู่กับนาโอมี ส่วนโอรปาห์จากพวกเขาไป, Sweet Media (1984)
แต่รูธตอบว่า "ขอแม่อย่าวิงวอนให้ลูกจากแม่หรือเลิกตามแม่กลับไปเลย เพราะแม่จะไปไหนลูกจะไปด้วย และแม่จะอาศัยอยู่ที่ไหนลูกก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ชนชาติของแม่จะเป็นชนชาติของลูก และพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของลูก" [ 23]
วรรค 20
นาโอมีตอบเขาว่า "ขออย่าเรียกฉันว่านาโอมีเลย ขอเรียกฉันว่า มาราเถอะ เพราะว่าองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ทรงทำให้ชีวิตฉันขมขื่นยิ่งนัก" [ 24]
วรรค 21
"เมื่อฉันจากเมืองนี้ไป ฉันมีทุกอย่างครบบริบูรณ์ พระยาห์เวห์ทรงพาฉันกลับมาตัวเปล่า จะเรียกฉันว่านาโอมีทำไมเล่า? ในเมื่อพระยาห์เวห์ทรงให้ฉันทุกข์ใจ และองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงให้ฉันต้องประสบเหตุร้ายเช่นนี้" [ 26]
วรรค 22
ดังนั้นนาโอมีพร้อมกับรูธบุตรสะใภ้ชาวโมอับก็กลับมาจากดินแดนโมอับ และเขาทั้งสองมายังเมืองเบธเลเฮมในต้นฤดูเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ [ 27]
ดูเพิ่ม
ส่วนในคัมภีร์ไบเบิล ที่เกี่ยวข้อง: หนังสือผู้วินิจฉัย , หนังสือซามูเอล , มัทธิว 2 , ลูกา 2
หมายเหตุ
อ้างอิง
↑ Metzger, Bruce M. , et al. The Oxford Companion to the Bible . New York: Oxford University Press, 1993.
↑ Bruce C. Birch, Thomas B. Dozeman, Nancy Kaczmarczyk . 1998. The New Interpreter's Bible: Volume:II . Nashville: Abingdon.
↑ 5.0 5.1 Robert Jamieson, Andrew Robert Fausset; David Brown. Jamieson, Fausset, and Brown's Commentary On the Whole Bible . 1871. บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
↑ 7.0 7.1 Dead sea scrolls - Ruth
↑ Ulrich, Eugene , บ.ก. (2010). The Biblical Qumran Scrolls: Transcriptions and Textual Variants . Brill. pp. 735 . ISBN 9789004181830 . สืบค้นเมื่อ May 15, 2017 .
↑ Fitzmyer, Joseph A. (2008). A Guide to the Dead Sea Scrolls and Related Literature . Grand Rapids, MI: William B. Eerdmans Publishing Company. p. 42. ISBN 9780802862419 . สืบค้นเมื่อ February 15, 2019 .
↑ Shepherd, Michael (2018). A Commentary on the Book of the Twelve: The Minor Prophets . Kregel Exegetical Library. Kregel Academic. p. 13. ISBN 978-0825444593 .
↑ นางรูธ 1:1 พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน (THSV11)
↑ 16.0 16.1 16.2 Joseph S. Exell; Henry Donald Maurice Spence-Jones (Editors). The Pulpit Commentary . 23 volumes. First publication: 1890. บทความนี้รวมเอาเนื้อความจากแหล่งอ้างอิงนี้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ
↑ Note [a] on Ruth 1:1 in NKJV.
↑ นางรูธ 1:2 THSV11
↑ นางรูธ 1:3 THSV11
↑ นางรูธ 1:4 THSV11
↑ นางรูธ 1:5 THSV11
↑ นางรูธ 1:6 THSV11
↑ นางรูธ 1:16 THSV11
↑ นางรูธ 1:20 THSV11
↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ barnes
↑ นางรูธ 1:21 THSV11
↑ นางรูธ 1:22 THSV11
บรรณานุกรม
Collins, John J. (2014). Introduction to the Hebrew Scriptures . Fortress Press. ISBN 9781451469233 .
Emmerson, Grace I. (2007). "11. Ruth". ใน Barton, John; Muddiman, John (บ.ก.). The Oxford Bible Commentary (first (paperback) ed.). Oxford University Press. pp. 192–195. ISBN 978-0199277186 . สืบค้นเมื่อ February 6, 2019 .
Hayes, Christine (2015). Introduction to the Bible . Yale University Press. ISBN 978-0300188271 .
Würthwein, Ernst (1995). The Text of the Old Testament . แปลโดย Rhodes, Erroll F. Grand Rapids, MI: Wm. B. Eerdmans. ISBN 0-8028-0788-7 . สืบค้นเมื่อ January 26, 2019 .
แหล่งข้อมูลอื่น