นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา หรือ นกนางแอ่นเทียมคองโก (อังกฤษ : African River Martin ) (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ :Pseudochelidon eurystomina) เป็นนกจับคอนหนึ่งในสองชนิดของวงศ์ย่อยนกนางแอ่นแม่น้ำ ในวงศ์นกนางแอ่น (Hirundinidae) เป็นนกขนาดกลาง มีขนสีดำ ตาสีแดง ปากอวบกว้างสีส้ม-แดง หางเหลี่ยม โครงสร้างต่างจากนกนางแอ่นชนิดอื่นคือ มีเท้าและขาแข็งแรง มีการเสนอให้แยกนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ที่พบในเอเชียที่เป็นนกสกุลเดียวกันออกเป็นอีกวงศ์ย่อย
มีการกระจายพันธุ์ตามแม่น้ำคองโก และสาขารวมถึงแม่น้ำอูบองชี (Ubangi) ด้วย มันทำรังในโพรงบนตลิ่งทราย มีการกระจายพันธุ์ในวงจำกัดแม้จะถูกจับไปเป็นอาหารโดยคนในพื้นที่ มันเป็นนกอพยพ ในฤดูหนาวจะอพยพไปที่ราบชายฝั่งทางใต้ของประเทศกาบอง และสาธารณรัฐคองโก แต่นกหลายตัวก็ยังคงผสมพันธุ์วางไข่ในเขตหนาวเย็น นกนางแอ่นชนิดนี้บินจับแมลงกินเป็นอาหาร และเดินบนพื้นมากกว่าจะเกาะคอน สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ จัดสถานะการอนุรักษ์เป็นยังไม่มีข้อมูล (DD) เพราะไม่มีข้อมูลของจำนวนประชากร
อนุกรมวิธาน
เมื่อมีการค้นพบนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19 กุสทัฟ ฮาร์ทเลาบ์ (Gustav Hartlaub) นักสัตวศาสตร์ชาวเยอรมันได้จัดจำแนกมันเป็นนกตะขาบ ในปี ค.ศ. 1861[ 2] และผู้แต่งคนอื่นๆหลังจากนั้นก็จัดวางมันอยู่ในวงศ์ของตนเองหรืออยู่ในวงศ์นกแอ่นพง จากการศึกษากายวิภาคของนกชนิดนี้โดย เพอร์ซี โลว์ในปี ค.ศ. 1938 แสดงให้เห็นว่ามันเป็นญาติใกล้ชิดกับนกนางแอ่นแต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างเพียงพอที่จะแยกออกมาเป็นวงศ์ย่อย Pseudochelidoninae[ 3] [ 4]
ชื่อสกุล Pseudochelidon (Hartlaub , 1861) มาจากภาษากรีก โบราณ คำหน้า ψευδο/pseudo แปลว่า "ปลอม" และคำหลัง χελιδον /chelidôn แปลว่า "นกนางแอ่น"[ 5] ชื่อชนิดสะท้อนถึงความคล้ายคลึงกันอย่างผิวเผินกับนกตะขาบสกุล Eurystomus [ 6]
นกอีกชนิดหนึ่งในสกุลเดียวกันคือนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (Pseudochelidon sirintarae ) ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลกคือบึงพอระเพ็ดในประเทศไทยและอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว ทั้งสองชนิดมีลักษณะเด่นที่แยกได้จากนกนางแอ่นอื่นๆหลายประการ ประกอบด้วย ขาและเท้าแข็งแรง ปากอวบ อวัยวะส่วนที่ส่งเสียงมีขนาดใหญ่ และโครงสร้างที่แตกต่างกันของหลอดลม[ 3] จากการศึกษาทางพันธุศาสตร์ยืนยันว่านกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองชนิดมาจากเครือบรรพบุรุษที่ต่างจากนกนางแอ่นในวงศ์ย่อย Hirundininae[ 7]
นกนางแอ่นแม่น้ำทั้งสองชนิดอยู่กึ่งกลางระหว่างนกนางแอ่นทั่วไปและนกเกาะคอนอื่นๆ ขอบเขตของความแตกต่างจากนกนางแอ่นอื่นและการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ที่กว้างมากของนกนางแอ่นทั้งสองแสดงว่าประชากรของกลุ่มสปีชีส์ได้แยกตัวออกจากเชื้อสายหลักของนกนางแอ่นตอนต้นของการวิวัฒนาการ [ 3] และพวกมันอาจเป็นสปีชีส์ของนกนางแอ่นที่โบราณที่สุด[ 8] มันก็เหมือนนกนางแอ่นโบราณต้นเชื้อสายอื่นๆที่ทำรังในโพรงแทนที่จะทำหลุมรังหรือรังโคลน[ 9]
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
แม่น้ำคองโก
นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกามีถิ่นผสมพันธุ์วางไข่ตลอดแม่น้ำคองโก และสาขาของแม่น้ำ รวมถึงแม่น้ำอูบองชีในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กินพื้นที่ประมาณ 47,000 กม.2 [ 1] ถิ่นผสมพันธุ์วางไข่ของมันประกอบด้วยป่าริมแม่น้ำกับเกาะที่มีตลิ่งทรายไว้สำหรับขุดโพรงทำรัง ในฤดูหนาวมันจะอพยพไปที่ราบชายฝั่งในตอนใต้ของประเทศกาบอง และสาธารณรัฐคองโก แต่ก็มีนกจำนวนมากที่อยู่ผสมพันธุ์วางไข่ในเขตพื้นที่ฤดูหนาว[ 1] [ 3] [ 10] นอกฤดูผสมพันธุ์มันจะเกาะคอนนอนตามพงอ้อหรือพืชอื่นริมแม่น้ำ[ 1]
ลักษณะ
นกโตเต็มวัยจากปากจรดหางยาว 14 เซนติเมตร ขนส่วนมากเป็นสีดำ มีสีฟ้า-เขียวเหลือบที่หัว และออกเขียวที่หลังและขนคลุมปีก ขนใต้ปีกสีออกน้ำตาล ขนส่วนล่างสีม่วงดำ ขนปีกสีดำ หางเหลี่ยม แผ่จากตรงกลางหางไปที่ปลายหางเล็กน้อย ตาสีแดง วงขอบตาสีชมพู ปากกว้างสีแดงส้ม และขามีสีน้ำตาล[ 3]
ทั้งสองเพศมีลักษณะคล้ายกัน แต่นกวัยอ่อนสีทึมกว่าและมีสีน้ำตาลคล้ำที่หัว การผลัดขน สู่นกโตเต็มวัยจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่อาศัยในฤดูหนาวและส่วนใหญ่จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนตุลาคม นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาจะส่งเสียร้อง "ชี ชี" หรือคล้ายกันสั้นๆ และเมื่ออยู่เป็นฝูงจะร้อง เชียร์-เชียร์-เชียร์ เมื่ออยู่ระหว่างการอพยพจะส่งเสียงร้องคล้ายนกนางนวล นกบินได้เร็ว ดูแข็งแรงสลับกับการร่อน[ 3]
พฤติกรรม
ถิ่นอาศัยของนกชนิดนี้เป็นป่าบริเวณแม่น้ำที่มีตลิ่งทรายไว้สำหรับผสมพันธุ์วางไข่ ฤดูผสมพันธุ์ เริ่มในเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลดระดับลง นกชนิดนี้ผสมพันธุ์วางไข่กันในอาณานิคมขนาดใหญ่ (บางครั้งในประเทศกาบองพบรวมฝูงกับนกจาบคาสีกุหลาบ ) มากถึง 800 ตัว นกแต่ละคู่จะขุดโพรงลึก 1-2 เมตรบนตลิ่งทราย ทำรังด้วยกิ่งไม้และใบไม้ที่ปลายสุดของโพรง วางไข่สีขาวไม่มีจุด 2-4 ฟอง ไข่วัดได้ 21.9-26.0 x 16.4-18.2 มม. ระยะเวลาการฟักไข่และเลี้ยงดูลูกนกยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าพ่อและแม่ช่วยกันเลี้ยงดูลูกนก[ 3]
ช่วงผสมพันธุ์วางไข่นกมักจะไม่เกาะคอนแต่จะเดินบนพื้นแทน แต่เมื่อฤดูหนาวนกจะเกาะบนยอดไม้ สายไฟ และหลังคาบ้านเป็นปกติ มีพฤติกรรมการบินไล่กวดกันรวมถึงบนพื้นดินด้วย แต่พฤติกรรมไล่กวดกันนี้ยังไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อสิ่งใด[ 3] นกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกาหากินเป็นฝูงเหนือแม่น้ำและป่า กินแมลง โดยเฉพาะมด มีปีกเป็นอาหาร[ 11]
สถานะการอนุรักษ์
ขนาดประชากรของนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ตอนปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 สามารถพบเห็นได้บ่อยในท้องถิ่นและพบเห็นนกอพยพจำนวนมากในประเทศกาบอง แต่ไม่เป็นที่ทราบมากนักถึงจำนวนประชากรในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และไม่เป็นที่ทราบความถึงสัมพันธ์ของการผสมพันธุ์วางไข่ของนกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกับการผสมพันธุ์วางไข่ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งของประเทศกาบองและสาธารณรัฐคองโก มีการพบฝูงนกถึง 15,000 ตัวในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งถ้ารวมนกจาบคาสีกุหลาบ (Merops malimbicus ) ด้วยแล้วจะมีนกถึง 100,000 ตัว และมีการพบนกสองสามร้อยตัวที่อุทยานแห่งชาติคอนเคาติ-โดลิ (Conkouati-Douli National Park) ในปี ค.ศ. 1996 แต่เนื่องจากไม่มีรายละเอียด นกชนิดนี้จึงถูกจัดเป็นยังไม่มีข้อมูล (DD) โดย IUCN [ 1]
ในคริสต์ทศวรรษ 1950 นกแอ่นแม่น้ำแอฟริกาโดนจับและรับประทานจำนวนมากในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกโดยคนท้องถิ่น และการกระทำเช่นนี้อาจกำลังเพิ่มขึ้น แม้อาณานิคมการผสมพันธุ์วางไข่บริเวณตลิ่งทรายริมแม่น้ำมีแนวโน้มที่จะถูกน้ำท่วม[ 1] แต่ก็มีนกจำนวนหลายพันตัวมาผสมพันธุ์วางไข่บริเวณทุ่งหญ้าทางตะวันออกของเมืองแกมบา (Gamba) เมื่อปี ค.ศ. 2005[ 12]
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "BirdLife International Species factsheet: Pseudochelidon eurystomina " . BirdLife International . สืบค้นเมื่อ 2009-11-15 .
↑ 2.0 2.1 Hartlaub, Gustav (1861). "Ueber einige neue Vögel Westafrica's" . Journal für Ornithologie (ภาษาเยอรมัน). 9 (1): 12. doi :10.1007/BF02002444 .
↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 Turner & Rose (1989) pp. 85–86.
↑ Lowe, P R (1938). "Some anatomical notes on the genus Pseudochelidon (Hartlaub) with reference to its taxonomic position". Ibis . 2 (3): 429–437. doi :10.1111/j.1474-919x.1938.tb00576.x .
↑ "Scientific bird names explained" . uk.r.b. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 December 2007. สืบค้นเมื่อ 1 November 2012 .
↑ Hartlaub, Gustav (1861). "Dr G Hartlaub on a new bird from W Africa" . Ibis . 3 (12): 321–323. doi :10.1111/j.1474-919X.1861.tb08850.x .
↑ Sheldon, Frederick H ; Whittingham, Linda A; Moyle, Robert G; Slikas, Beth; Winkler, David W (2005). "Phylogeny of swallows (Aves: Hirundinidae) estimated from nuclear and mitochondrial DNA" . Molecular Phylogenetics and Evolution . 35 (1): 254–270. doi :10.1016/j.ympev.2004.11.008 . PMID 15737595 .
↑ Olson, S L (1973). "A classification of the Rallidae". Wilson Bulletin . 65 : 381–416.
↑ Winkler, David W; Sheldon, Frederick H (1993). "Evolution of nest construction in swallows (Hirundinidae): A molecular phylogenetic perspective" (PDF) . Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America . 90 (12): 5705–5707. Bibcode :1993PNAS...90.5705W . doi :10.1073/pnas.90.12.5705 . PMC 46790 . PMID 8516319 .
↑ Rand, A L; Friedmann, H; Traylor M A Jr (1959). "Birds from Gabon and Moyen Congo" . Fieldiana: Zoology . 41 (2): 223–411.
↑ Fry, C H (November 1992). "Myrmecophagy by Pseudochelidon eurystomina and other African birds". Bulletin of the British Ornithologists' Club . 112A : 87–97.
↑ Angehr, G R; Schmidt, B K; Njie, F; Gebhard, C (2005). "Significant records and annotated site lists from bird surveys in the Gamba Complex, Gabon" (PDF) . Malimbus . 27 : 72.
แหล่งข้อมูลอื่น
Videos on the Internet Bird Collection
Calls at Xeno-canto