ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ
ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำ -80 องศาเซลเซียส แบบแนวตั้งมาตรฐาน
ตู้แช่แข็งยูแอลที (อังกฤษ : ultra low temperature (ULT) freezer ) เป็นตู้เย็น ที่สามารถเก็บของได้ในอุณหภูมิ ระหว่าง -40 ถึง -86 องศาเซลเซียส [ 1]
ตู้อาจเรียกด้วยว่า ตู้แช่แข็ง -80 หรือ ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำ -80 เป็นการระบุอุณหภูมิที่ใช้กันมากที่สุด[ 2]
ตู้มีทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน
การใช้
นักวิทยาศาสตร์ กำลังใส่ตัวอย่างในตู้แช่แข็งยูแอลที
ห้องปฏิบัติการ อณูชีววิทยา และวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตอาจต้องเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิต ไว้ในที่เก็บซึ่งมีอุณหภูมิต่ำมากในระยะยาว (รวมทั้งการใช้ระบบโซ่เย็น ในระดับต่าง ๆ) ตัวอย่างที่เก็บรวมทั้งดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอ โปรตีน วัสดุที่สกัดจากเซลล์ หรือสารรีเอเจนต์
เพื่อลดความเสี่ยงต่อตัวอย่าง จึงต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำมากระหว่าง -80 จนถึง -86 องศาเซลเซียส
นี้เทียบกับการเก็บตัวอย่างระยะสั้น ๆ ในตู้เย็นหรือตู้แช่แข็งธรรมดาที่มีอุณหภูมิระหว่าง 4 จนถึง -20 องศาเซลเซียส [ 3] [ไม่อยู่ในแหล่งอ้างอิง ]
ตัวอย่างทางชีวภาพในตู้แช่แข็งยูแอลทีมักเก็บในหลอดพอลิเมอร์ โดยปกติใส่ลงในกล่อง ที่ทำจากกระดาษแข็ง พลาสติกพอลิเมอร์ หรือวัสดุ อื่น ๆ อีก
หลอดไมโครทิวบ์ (หลอดทดลองขนาดเล็ก ๆ) จะใส่ในกล่องที่แบ่งเป็นช่อง ๆ ดังนั้น แต่ละกล่องจึงใส่หลอดได้ถึง 64, 81 หรือ 100 หลอด
ตู้แช่แข็งยูแอลทีขนาดปกติจะใส่กล่องเช่นนี้ได้ 350-450 กล่อง [ 4]
รูปแสดงกล่องที่มักใช้เก็บตัวอย่างแล้วใส่ในตู้แช่แข็งในห้องปฏิบัติการ
นอกจากการใช้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว อุตสาหกรรมประมงบางส่วน (เช่น ที่จับปลาทูน่า ) ก็ต้องใช้ตู้แช่แข็งเช่นนี้ด้วย
ตู้แช่แข็งมักติดระบบสัญญาณเตือนเพื่อแจ้งเหตุการณ์ความล้มเหลวในการรักษาความเย็นแก่บุคลากร
ช่วงเวลาทำให้เย็น (pull down time)
ช่วงเวลาทำให้เย็นหมายถึงระยะเวลาที่ตู้เย็นใช้ในการลดอุณหภูมิจากอุณหภูมิห้อง จนถึงอุณหภูมิตามที่ต้องการคือระหว่าง -80 ถึง -86 องศาเซลเซียส
ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับฉนวนความร้อน ที่ใช้ ประสิทธิภาพ ของระบบคอมเพรสเซอร์ และชั้นโลหะที่ติดไว้ในตู้
ในต้นคริสต์ศตวรรษ ที่ 21 ตู้อาจย็นลงถึงอุณหภูมิที่ต้องการภายใน 3-5 ชม.
พลังงาน
เพราะอุณหภูมิต่ำมาก ตู้แช่เแข็งชนิดนี้จึงเปลืองไฟฟ้า มาก[ 5]
จึงมีค่าใช้จ่ายสูง
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2010 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีตู้แช่แข็งแบบนี้กว่าสองพันเครื่อง ซึ่งกินไฟกว่า 40,000 ล้านบีทียู โดยเสียค่าไฟถึง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี (ประมาณ 177 ล้านบาท )
ตู้แช่แข็งรุ่นใหม่ ๆ ปกติจะกินไฟน้อยกว่า[ 6]
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์บางส่วนเริ่มเสนอให้ตั้งอุณหภูมิที่ -70 องศาเซลเซียส แทนที่ -80 เพราะใช้ไฟน้อยกว่าและทำให้ใช้ได้ทนกว่า[ 7] [ 8]
ขึ้นอยู่กับขนาดตู้ การเปิดปิด และจำนวนตัวอย่างที่แช่แข็ง ตู้อาจกินไฟถึง 11 กิโลวัตต์ ช.ม./วัน หรือยิ่งกว่า
ดังนั้น จึงควรใช้ฉนวนกันความร้อนที่ดีสุด
การมีช่องที่มีประตูปิดเล็ก ๆ ชั้นในจะช่วยลดการเสียความเย็นเมื่อเปิดประตูใหญ่
การจับเกาะเป็นน้ำแข็งควรลดให้มีน้อยสุด
ตู้แช่แข็งรุ่นใหม่ปกติจะใช้พัดลมและคอมเพรสเซอร์ที่ปรับความแรงได้
ซึ่งอาจลดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ได้ถึงร้อยละ 30
วงจรการทำความเย็น
ตู้แช่แข็งที่ใช้ระบบการทำความเย็นเป็นลำดับโดยใช้สารทำความเย็นที่เหมาะกับอุณหภูมิต่าง ๆ กัน ซึ่งเรียกว่า ระบบ cascade refrigeration (CR) อาจกินไฟถึง 20 เท่าของตู้เย็น ที่ใช้ในบ้าน
สารทำความเย็นยังเป็นแก๊สเรือนกระจก โดยปกติเป็นไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน ชนิด R-508B[ 5]
แต่ตู้แช่แข็งรุ่นใหม่ใช้แก๊ส ไฮโดรคาร์บอน แบบผสม โดยมักผสมอีเธน (ethane) กับโพรเพน
ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึงร้อยละ 30 เทียบกับตู้ที่ใช้คลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนดั้งเดิม[ต้องการอ้างอิง ]
ผังแสดงกระบวนการทำความเย็นเป็นลำดับ (cascade refrigeration) แบบ 2 ชั้น
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถและอ้างอิง
↑ Gumapas, Leo Angelo M.; Simons, Glenn (2013). "Factors affecting the performance, energy consumption, and carbon footprint for ultra low temperature freezers: Case study at the National Institutes of Health". World Review of Science, Technology and Sustainable Development . 10 : 129. doi :10.1504/WRSTSD.2013.050786 .
↑ "Ultra-Low Temperature Freezer Program | Penn Sustainability" . www.sustainability.upenn.edu . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2021-01-27. สืบค้นเมื่อ 2020-11-11 .
↑ McCullough, Jeffrey (2009-11-13). "Long-term Cryopreservation of Human and other Mammalian Cells at −80°C for 8 Years" . Transfusion . 50 (4): 808–819. doi :10.1111/j.1537-2995.2009.02482.x . PMID 19912586 . สืบค้นเมื่อ 2021-02-27 .
↑ "Cryogenic and Freezer Boxes" . Fisher Scientific . สืบค้นเมื่อ 2021-02-27 .
↑ 5.0 5.1 Berchowitz, David; Kwon, Yongrak (2012). "Environmental Profiles of Stirling-Cooled and Cascade-Cooled Ultra-Low Temperature Freezers". Sustainability . 4 (11): 2838–2851. doi :10.3390/su4112838 .
↑ Dickey, Gwyneth (2010-06-02). "Freezer Retirement Program: Out with the cold, in with the new" . Stanford University (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-11-11 .
↑
"To find hacks for greening your lab, start with the freezer" . Chemical & Engineering News (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-11-11 .
↑
"Cold Storage" . Green Labs: MIT . สืบค้นเมื่อ 2020-11-11 .