ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง

ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง
กำกับโจ ไรท์
เขียนบทดีโบราห์ ม็อกเกซ
สร้างจากสาวทรงเสน่ห์
โดย เจน ออสเตน
อำนวยการสร้างทิม เบแวน
เอริค ฟอลเนอร์
พอล เว็บสเตอร์
นักแสดงนำคีร์รา ไนท์ลีย์
แมทธิว แม็คฟาเดียน
เบรนด้า เบล็ทธิน
โดนัลด์ ซัทเธอร์แลนด์
ทอม ฮอลแลนเดอร์
โรซามันด์ ไพค์
เจน่า มาโลน
ทาลูลาห์ ไรลี่ย์
จูดี้ เดนช์
กำกับภาพโรมัน กุ๊ดอิน
ตัดต่อพอล ทอทฮิล
ดนตรีประกอบริโอ มาริเนลลี่
ผู้จัดจำหน่ายโฟกัสฟีเจอร์
วันฉาย 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005
23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006
ความยาว127 นาที [1]
ประเทศฝรั่งเศส
อังกฤษ
สหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง22 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง
(28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) [2][3]
ทำเงิน$121,147,947 [4]

ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง (อังกฤษ: Pride & Prejudice) เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 2005 กำกับโดย โจ ไรท์ โดยดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง สาวทรงเสน่ห์ ของ เจน ออสเตน ที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1813

เนื้อเรื่องย่อ

ในมุมหนึ่งของประเทศอังกฤษในช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่ 18 มิสซิสเบนเน็ต (เบรนด้า เบล็ทธิน) ได้ทราบข่าวอันน่าตื่นเต้น หนุ่มโสดผู้ร่ำรวยรายหนึ่ง ได้ย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ที่เนเธอร์ฟิลด์ปาร์ก มิสซิสเบนเน็ตที่มีลูกสาวถึง 5 คนและไร้ซึ่งทรัพย์สิน ถือเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะทำให้หนุ่มโสดผู้นี้แต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของเธอ

มิสเตอร์ชาร์ลส์ บิงลี่ย์ (ไซม่อน วู้ดส์) ผู้เพิ่งย้ายมาใหม่เกิดสนใจในตัวเจน เบนเน็ต (โรซามันด์ ไพค์) ลูกสาวคนโตของครอบครัวซึ่งเป็นสาวสวยที่ดูสุภาพ โชคร้ายที่มิสเตอร์ฟิตซ์วิลเลี่ยม ดาร์ซี่ (แมทธิว แม็คฟาเดียน) เพื่อนที่เป็นหนุ่มเนื้อหอมของเขา ไม่คิดจะลดตัวเองลงมาคลุกคลีกับชาวเมือง เขาปฏิเสธที่จะเต้นรำกับเอลิซาเบธ เบนเน็ต (คีร์รา ไนท์ลีย์) โดยหารู้ไม่ว่า เธอแอบได้ยินคำสบประมาทของเขาเข้า

คำเชิญจากน้องสาวของบิงลี่ย์ทำให้มิสซิสเบนเน็ตส่งเจนขึ้นหลังม้าออกไปท่ามกลางสายฝน ซึ่งทำให้เธอต้องค้างคืนที่นั่น แต่เจนเกิดล้มป่วย และเอลิซาเบธต้องรีบไปหาพี่สาว เมื่อได้รู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น ดาร์ซี่เริ่มเกิดความชื่นชมในตัวลิซซี่

การมาถึงของกองทหารอาสาทำให้เอลิซาเบธเกิดความสนใจในตัวมิสเตอร์วิคแฮม (รูเพิร์ต เฟรนด์) ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างเขากับเธอ ทำให้วิคแฮมกล้าเปิดเผยว่าเขาเคยมีอดีตกับดาร์ซี่ และเคยต้องทรมานกับความอยุติธรรมที่ได้รับจากดาร์ซี่ ครอบครัวเบนเน็ตยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน เขาก็คือมิสเตอร์คอลลินส์ (ทอม ฮอลแลนเดอร์) ญาติที่จะได้รับมรดกตกทอด เป็นบ้านของครอบครัวเบนเน็ตเมื่อมิสเตอร์เบนเน็ตสิ้นชีวิตลง แต่เป็นคนที่ยื่นข้อเสนอจะแต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของครอบครัว คอลลินส์ที่ได้รับการยืนยันอย่างเชื่อมั่นจากมิสซิสเบนเน็ตว่าเจนกำลังจะหมั้นหมาย จึงหันไปสนใจเอลิซาเบธแทน

ชะตากรรมในเรื่องความรักของสองสาวแขวนอยู่กับงานเลี้ยงที่เนเธอร์ฟิลด์ ซึ่งลิซซี่ที่เกิดความผิดหวังเมื่อมิสเตอร์วิคแฮมหายตัวไป โยนความผิดให้กับดาร์ซี่ หลังจากงานเลี้ยง บิงลี่ย์จากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งให้เจนหัวใจสลายและเอลิซาเบธรู้สึกโกรธแค้น เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของคอลลินส์ท่ามกลางเสียงโวยวายของคนทั้งครอบครัว แต่ที่สร้างความตกใจให้กับเอลิซาเบธก็คือชาร์ล็อตต์ ลูคัส (คลาวดี้ แบล็กลี่ย์) เพื่อนของเธอกลับตกลงใจที่จะแต่งงานกับมิสเตอร์คอลลินส์

ในเวลาต่อมา เอลิซาเบธได้เดินทางไปเยี่ยมคู่แต่งงานใหม่และได้พบกับ เลดี้แคเธอรีน เดอ บัวร์ก (จูดี้ เดนช์) ผู้อุปถัมภ์ของมิสเตอร์คอลลินส์ เลดี้แคเธอรีนกำลังต้อนรับชายหนุ่มสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือมิสเตอร์ดาร์ซี่ ผู้สร้างความตื่นตะลึงให้กับเอลิซาเบธด้วยการประกาศความรักของเขา เอลิซาเบธปฏิเสธ โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นคนทำลายความสุขของเจนและความหวังของมิสเตอร์วิคแฮม พวกเขาจากกันด้วยความรู้สึกโกรธขึ้ง แต่ดาร์ซี่เขียนจดหมายถึงเธอฉบับหนึ่งที่ทำให้เอลิซาเบธต้องมองดูเหตุการณ์ต่างๆ แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องการทรยศของวิคแฮม

เมื่อกลับถึงบ้าน เอลิซาเบธพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซงเมื่อลิเดีย น้องสาวคนสุดท้อง ได้รับเชิญให้ไปที่ไบรห์ตันขณะที่กองทหารอาสากำลังจะจากไป แต่พ่อของเธอกลับหัวเราะความหวาดกลัวของเอลิซาเบธที่เป็นห่วงน้องสาว ลิซซี่จึงตอบตกลงยอมร่วมเดินทางไปพร้อมกับป้าและลุงของเธอเพื่อเดินทางไปยังตำบลพีก อย่างไรก็ดี เมื่อลุงและป้ายืนกรานที่จะเดินทาง ไปเยี่ยมเยียนเพมเบอร์ลี่ย์ บ้านของดาร์ซี่ที่เดอร์บี้ไชร์ ลิซซี่รู้สึกลำบากใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ดาร์ซี่ และเธอต้องยุ่งยากใจเมื่อได้พบการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของเขา

ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเกิดความเข้าใจกัน วิกฤตข่าวลือเริ่มปะทุขึ้น ลิเดียหนีไปกับวิคแฮม แต่สุดท้ายความวิตกกังวลเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อมีการจัดเตรียมงานแต่งงาน ลิเดียและวิคแฮมกลับมา และเอลิซาเบธเริ่มรู้สึกดีขึ้นที่มิสเตอร์ดาร์ซี่เป็นผู้รับผิดชอบจัดงานแต่งงานของพวกเขา บัดนี้ เมื่อทุกอย่างเกือบจะสายเกินไป เอลิซาเบธเริ่มรู้สึกตัวว่าเธอรักดาร์ซี่แค่ไหน การกลับมาของบิงลี่ย์พร้อมด้วยดาร์ซี่ ทำให้เกิดความหวังว่า เอลิซาเบธและดาร์ซี่อาจจะสามารถมองข้ามทิฐิและอคติต่างๆ เพื่อจะมีอนาคตร่วมกันได้

อ้างอิง

  1. "Pride & Prejudice (U)". United International Pictures. British Board of Film Classification. 25 July 2005. สืบค้นเมื่อ 1 October 2013.
  2. British Film Institute.
  3. The Numbers.
  4. Box Office Mojo Profile.

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!