ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง (อังกฤษ: Pride & Prejudice) เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 2005 กำกับโดย โจ ไรท์ โดยดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง สาวทรงเสน่ห์ ของ เจน ออสเตน ที่ตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1813
เนื้อเรื่องย่อ
ในมุมหนึ่งของประเทศอังกฤษในช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่ 18 มิสซิสเบนเน็ต (เบรนด้า เบล็ทธิน) ได้ทราบข่าวอันน่าตื่นเต้น หนุ่มโสดผู้ร่ำรวยรายหนึ่ง ได้ย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ที่เนเธอร์ฟิลด์ปาร์ก มิสซิสเบนเน็ตที่มีลูกสาวถึง 5 คนและไร้ซึ่งทรัพย์สิน ถือเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะทำให้หนุ่มโสดผู้นี้แต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของเธอ
มิสเตอร์ชาร์ลส์ บิงลี่ย์ (ไซม่อน วู้ดส์) ผู้เพิ่งย้ายมาใหม่เกิดสนใจในตัวเจน เบนเน็ต (โรซามันด์ ไพค์) ลูกสาวคนโตของครอบครัวซึ่งเป็นสาวสวยที่ดูสุภาพ โชคร้ายที่มิสเตอร์ฟิตซ์วิลเลี่ยม ดาร์ซี่ (แมทธิว แม็คฟาเดียน) เพื่อนที่เป็นหนุ่มเนื้อหอมของเขา ไม่คิดจะลดตัวเองลงมาคลุกคลีกับชาวเมือง เขาปฏิเสธที่จะเต้นรำกับเอลิซาเบธ เบนเน็ต (คีร์รา ไนท์ลีย์) โดยหารู้ไม่ว่า เธอแอบได้ยินคำสบประมาทของเขาเข้า
คำเชิญจากน้องสาวของบิงลี่ย์ทำให้มิสซิสเบนเน็ตส่งเจนขึ้นหลังม้าออกไปท่ามกลางสายฝน ซึ่งทำให้เธอต้องค้างคืนที่นั่น แต่เจนเกิดล้มป่วย และเอลิซาเบธต้องรีบไปหาพี่สาว เมื่อได้รู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น ดาร์ซี่เริ่มเกิดความชื่นชมในตัวลิซซี่
การมาถึงของกองทหารอาสาทำให้เอลิซาเบธเกิดความสนใจในตัวมิสเตอร์วิคแฮม (รูเพิร์ต เฟรนด์) ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างเขากับเธอ ทำให้วิคแฮมกล้าเปิดเผยว่าเขาเคยมีอดีตกับดาร์ซี่ และเคยต้องทรมานกับความอยุติธรรมที่ได้รับจากดาร์ซี่ ครอบครัวเบนเน็ตยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน เขาก็คือมิสเตอร์คอลลินส์ (ทอม ฮอลแลนเดอร์) ญาติที่จะได้รับมรดกตกทอด เป็นบ้านของครอบครัวเบนเน็ตเมื่อมิสเตอร์เบนเน็ตสิ้นชีวิตลง แต่เป็นคนที่ยื่นข้อเสนอจะแต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของครอบครัว คอลลินส์ที่ได้รับการยืนยันอย่างเชื่อมั่นจากมิสซิสเบนเน็ตว่าเจนกำลังจะหมั้นหมาย จึงหันไปสนใจเอลิซาเบธแทน
ชะตากรรมในเรื่องความรักของสองสาวแขวนอยู่กับงานเลี้ยงที่เนเธอร์ฟิลด์ ซึ่งลิซซี่ที่เกิดความผิดหวังเมื่อมิสเตอร์วิคแฮมหายตัวไป โยนความผิดให้กับดาร์ซี่ หลังจากงานเลี้ยง บิงลี่ย์จากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งให้เจนหัวใจสลายและเอลิซาเบธรู้สึกโกรธแค้น เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของคอลลินส์ท่ามกลางเสียงโวยวายของคนทั้งครอบครัว แต่ที่สร้างความตกใจให้กับเอลิซาเบธก็คือชาร์ล็อตต์ ลูคัส (คลาวดี้ แบล็กลี่ย์) เพื่อนของเธอกลับตกลงใจที่จะแต่งงานกับมิสเตอร์คอลลินส์
ในเวลาต่อมา เอลิซาเบธได้เดินทางไปเยี่ยมคู่แต่งงานใหม่และได้พบกับ เลดี้แคเธอรีน เดอ บัวร์ก (จูดี้ เดนช์) ผู้อุปถัมภ์ของมิสเตอร์คอลลินส์ เลดี้แคเธอรีนกำลังต้อนรับชายหนุ่มสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือมิสเตอร์ดาร์ซี่ ผู้สร้างความตื่นตะลึงให้กับเอลิซาเบธด้วยการประกาศความรักของเขา เอลิซาเบธปฏิเสธ โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นคนทำลายความสุขของเจนและความหวังของมิสเตอร์วิคแฮม พวกเขาจากกันด้วยความรู้สึกโกรธขึ้ง แต่ดาร์ซี่เขียนจดหมายถึงเธอฉบับหนึ่งที่ทำให้เอลิซาเบธต้องมองดูเหตุการณ์ต่างๆ แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในเรื่องการทรยศของวิคแฮม
เมื่อกลับถึงบ้าน เอลิซาเบธพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซงเมื่อลิเดีย น้องสาวคนสุดท้อง ได้รับเชิญให้ไปที่ไบรห์ตันขณะที่กองทหารอาสากำลังจะจากไป แต่พ่อของเธอกลับหัวเราะความหวาดกลัวของเอลิซาเบธที่เป็นห่วงน้องสาว ลิซซี่จึงตอบตกลงยอมร่วมเดินทางไปพร้อมกับป้าและลุงของเธอเพื่อเดินทางไปยังตำบลพีก อย่างไรก็ดี เมื่อลุงและป้ายืนกรานที่จะเดินทาง ไปเยี่ยมเยียนเพมเบอร์ลี่ย์ บ้านของดาร์ซี่ที่เดอร์บี้ไชร์ ลิซซี่รู้สึกลำบากใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับมิสเตอร์ดาร์ซี่ และเธอต้องยุ่งยากใจเมื่อได้พบการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของเขา
ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเกิดความเข้าใจกัน วิกฤตข่าวลือเริ่มปะทุขึ้น ลิเดียหนีไปกับวิคแฮม แต่สุดท้ายความวิตกกังวลเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อมีการจัดเตรียมงานแต่งงาน ลิเดียและวิคแฮมกลับมา และเอลิซาเบธเริ่มรู้สึกดีขึ้นที่มิสเตอร์ดาร์ซี่เป็นผู้รับผิดชอบจัดงานแต่งงานของพวกเขา บัดนี้ เมื่อทุกอย่างเกือบจะสายเกินไป เอลิซาเบธเริ่มรู้สึกตัวว่าเธอรักดาร์ซี่แค่ไหน การกลับมาของบิงลี่ย์พร้อมด้วยดาร์ซี่ ทำให้เกิดความหวังว่า เอลิซาเบธและดาร์ซี่อาจจะสามารถมองข้ามทิฐิและอคติต่างๆ เพื่อจะมีอนาคตร่วมกันได้
อ้างอิง