การค้าประเวณีเด็ก รูปปั้นของเด็กหญิงโสเภณี
The White Slave โดย Abastenia St. Leger Eberle พ.ศ. 2456
[ 1] เขตปฏิบัติ ทั่วโลก จำนวนเด็ก มากถึง 10 ล้าน[ 2] สถานะกฎหมาย ผิดกฎหมายทั้งไทย และสากล
การค้าประเวณีเด็ก (อังกฤษ : Prostitution of children, child prostitution ) เป็นการค้าประเวณี ที่เกี่ยวกับเด็ก เป็นรูปแบบหนึ่งของการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก เด็กในที่นี้มักจะหมายถึงผู้เยาว์ หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ในเขตกฎหมาย โดยมาก การค้าประเวณีเด็กผิดกฎหมายโดยเป็นส่วนของกฎหมายห้ามการค้าประเวณีโดยทั่ว ๆ ไป
การค้าประเวณีเด็กมักจะปรากฏในรูปแบบของการค้าเซ็กซ์ (sex trafficking) ที่เด็กถูกลักพาตัว หรือถูกหลอกให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าเพศ หรือว่า เป็นเซ็กซ์เพื่อการอยู่รอด ที่เด็กจะร่วมกิจกรรมทางเพศ แลกเปลี่ยนกับปัจจัยสี่ ที่จำเป็นต่อชีวิตรวมทั้งอาหาร และที่อยู่อาศัย
การค้าประเวณีเด็กมักจะเกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก และบางครั้งจะเกิดขึ้นคาบเกี่ยวกัน
และมีคนที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อจะเที่ยวเซ็กซ์ทัวร์เด็ก
งานวิจัย แสดงว่า อาจจะมีเด็กมากถึง 10 ล้านคนทั่วโลกที่ค้าประเวณี[ 2]
โดยมีปัญหาหนักที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเอเชีย แต่ก็เป็นปัญหาทั่วโลก
ทั้งในประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาแล้ว [ 4]
สหประชาชาติ ได้กำหนดว่า การค้าประเวณีเด็กผิดกฎหมายสากล โดยมีการรณรงค์และองค์กรต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการปฏิบัติการเช่นนี้
เด็กโดยมากที่เกี่ยวข้องเป็นหญิง อาจจะอายุเพียงแค่ 4-5 ขวบ เรียน น้อยมากและถูกคนแปลกหน้าหลอกได้ง่าย
นิยาม
มีนิยามหลายอย่างสำหรับการค้าประเวณีเด็ก
สหประชาชาติ นิยามว่า "การผูกมัดว่าจ้างเด็กหรือการให้บริการเด็ก เพื่อทำกิจกรรมทางเพศ แลกกับเงิน หรือประโยชน์อื่น ๆ โดยทำกับบุคคลนั้นหรือกับบุคคลอื่น"[ 5]
ส่วน "อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ ของเด็ก" (Convention on the Rights of the Child) แห่งสหประชาชาติ นิยามว่า "การได้มา การจัดหา หรือการเสนอให้ ซึ่งบริการของเด็ก หรือการชักชวนเด็กให้ร่วมกิจกรรมทางเพศเพื่อค่าตอบแทนหรือรางวัลทุกรูปแบบ"
โดยทั้งสองเน้นว่า เด็กเป็นเหยื่อของการถูกฉวยประโยชน์ แม้ว่าดูเหมือนจะให้ความยินยอม[ 6]
ส่วน "อนุสัญญาว่าด้วยรูปแบบเลวที่สุดของแรงงานเด็กปี 1999" ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) นิยามว่า "การใช้ การจัดหา หรือการเสนอให้ เด็กเพื่อประเวณี"[ 7]
ตาม ILO ณ กรุงเจนีวา การค้าประเวณีและสื่อลามกอนาจารเด็ก เป็นรูปแบบหลักของการฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็ก ซึ่งมักจะกล้ำกัน
โดยการค้าประเวณีบางครั้งใช้อธิบายเป็นส่วนของรูปแบบที่กว้างกว่าของการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก (CSEC)
โดยไม่รวมเอาแบบที่ปรากฏอื่น ๆ ของ CSEC เช่นการแต่งงานเด็ก การใช้แรงงานเด็กในบ้าน และการค้าเด็ก เพื่อเซ็กซ์ (การลักลอบพาเด็กเพื่อค้าเซ็กซ์)
แต่ว่า คำว่า การค้าประเวณีเด็ก ก็ยังเป็นเรื่องโต้แย้งกันอยู่
คือ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ กล่าวว่า "คำแสดงนัยความคิดว่าเป็นการเลือกทำ แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น"[ 9]
กลุ่มต่อต้านต่าง ๆ เชื่อว่า คำว่า "child prostitution" (การค้าประเวณีเด็ก) และ "child prostitute" (โสเภณีเด็ก) มีปัญหาเพราะว่า โดยทั่วไปเด็กไม่สามารถตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับการค้าประเวณี
และดังนั้น จึงใช้คำว่า "prostituted children" (เด็กที่ถูกค้าประเวณี) และ "การฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็ก"
ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ใช้คำว่า "child sex worker" (เด็กทำงานเซ็กซ์) เพื่อแสดงว่า เด็กทุกคนไม่ใช่เป็นแค่เหยื่อที่ไม่ได้ทำอะไร
เหตุและประเภท
เด็กมักจะถูกบังคับโดยโครงสร้างทางสังคมและโดยบุคคล ให้อยู่ในสถานการณ์ที่ผู้ใหญ่อาจฉวยประโยชน์จากความความอ่อนแอ แล้วทารุณเด็ก หรือฉวยประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
ทั้งโครงสร้างสังคมและบุคคลรวมกันบังคับให้เด็กเข้าไปสู่การค้าทางเพศ เช่น การค้าประเวณีเด็กบ่อยครั้งจะติดตามการถูกทารุณทางเพศ และบ่อยครั้งเกิดขึ้นที่บ้าน
นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่า เด็กโสเภณีโดยมากมาจากเอเชียอาคเนย์ และลูกค้าโดยมากเป็นนักท่องเที่ยวเซ็กซ์ ชาวตะวันตก
แต่ว่าก็มีนักสังคมวิทยา คนหนึ่งที่อ้างว่า แม้ว่าคนตะวันตกจะมีส่วนให้อุตสาหกรรมนี้โตขึ้น แต่ว่า ลูกค้าโดยมากของเด็กเป็นชาวเอเชียในพื้นที่
การค้าประเวณีมักจะเกิดขึ้นในที่ต่าง ๆ รวมทั้งซ่องโสเภณี บาร์ ไนต์คลับ บ้าน ตามถนนหรือเขตชุมชนต่าง ๆ
ตามงานศึกษาหนึ่ง เด็กโสเภณีประมาณ 10% มีแมงดา และมากกว่า 45% เริ่มทำงานเพราะเพื่อน[ 13]
นักวิชาการในสำนักงานแรงงานเด็กสากลมอรีน แจ็ฟ และซ็อนเนีย โรเซ็น กล่าวว่า กรณีต่าง ๆ กันมาก
เหยื่อบางคนหนีออกจากบ้านหรือจากสถาบันของรัฐ บางคนถูกขายโดยผู้ปกครอง หรือถูกบังคับหรือถูกหลอกให้ค้าประเวณี และบางคนเป็นเด็กจรจัด
บางคนทำแค่ชั่วครั้งชั่วคราว บางคนทำเป็นอาชีพ
แม้ว่าเราอาจจะคิดถึงเด็กหญิงก่อนและมากที่สุดในเรื่องการค้าประเวณี แต่ก็มีจำนวนเด็กชายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กรณีที่น่าสลดใจที่สุดก็คือเด็กที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณีแล้วต่อมาถูกจำขัง
(เพราะ) เด็กเหล่านี้มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการถูกทรมานและต่อความตายที่ติดตามมา[ 4]
การค้ามนุษย์
สำนักงานยาเสพติด และอาชญากรรม แห่งสหประชาชาติ (UNODC) นิยามคำว่า "การค้ามนุษย์" (human trafficking) ว่า "การสรรหาชักชวน การขนส่ง การย้าย การให้ที่ซ่อนเร้น และการรับบุคคล โดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่นการข่มขู่หรือใช้กำลังหรือวิธีบีบบังคับอื่น ๆ การลักพาตัว การฉ้อฉลหรือการหลอกลวง เพื่อจะฉวยเอาประโยชน์"[ 14]
UNODC ประเมินจำนวนเหยื่อทั่วโลกที่ 2.5 ล้านคน[ 14]
UNICEF รายงานว่าตั้งแต่ปี 1982 มีเด็กถูกค้าประมาณ 30 ล้านคน[ 15]
การค้ามนุษย์เพื่อเป็นทาสทางเพศอยู่ในอัตรา 79% ของกรณีค้ามนุษย์ทั้งหมด โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิง และประมาณ 20% ของเหยื่อเป็นเด็ก ผู้กระทำผิดบ่อยครั้งก็เป็นหญิงด้วย[ 16]
ในปี ค.ศ. 2007 สหประชาชาติจัดตั้งโปรแกรมริ่เริ่มระดับโลกเพื่อสู้การค้ามนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN.GIFT) โดยร่วมมือกับ UNICEF องค์การเพื่อความมั่นคงและการร่วมมือในยุโรป (OSCE) และกองทุนสหประชาชาติเพื่อการพัฒนาสตรี (UNIFEM) โดยได้เงินทุนมาจากรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
UN.GIFT มีจุดมุ่งหมายต่อต้านการค้ามนุษย์โดยร่วมมือกับผู้มีส่วนในองค์กรรวมทั้งรัฐบาล ธุรกิจ และผู้ทำการระดับโลกอื่น ๆ
งานริเริ่มแรกก็คือเผยแพร่เนื้อความว่า การค้ามนุษย์เป็นเรื่องผิดจริยธรรม และเป็นปัญหาที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่ต้องอาศัยการร่วมมือระดับโลกเพื่อที่จะยุติ
UN.GIFT พยายามลดความต้องการในการฉวยประโยชน์ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับผู้ที่เสี่ยงต่อความเป็นเหยื่อ[ 17]
ในบางกรณี เหยื่อค้ามนุษย์เพื่อเซ็กซ์ถูกลักพาตัวโดยคนแปลกหน้า หรือถูกบังคับหรือถูกหลอกให้เข้าร่วมโดยเรื่องโกหกและคำสัญญาหลอกลวงอื่น ๆ
ในบางกรณี ครอบครัวอนุญาตหรือบังคับให้เด็กเข้าสู่ระบบเพราะเหตุความยากจนรุนแรง[ 19]
ถ้าถูกนำออกจากประเทศ ผู้ค้าเด็กจะฉวยประโยชน์จากความที่เด็กมักจะไม่เข้าใจภาษาในประเทศใหม่และไม่รู้สิทธิทางกฎหมายของตน
งานวิจัย แสดงว่า ผู้ค้าเด็กมักจะเลือกเด็กหญิง อายุ 12 ขวบหรือน้อยกว่านั้น เพราะว่าง่ายกว่าที่จะให้ทำตามต้องการ และเพราะเชื่อว่าเป็นหญิงพรหมจารี ซึ่งเป็นที่ต้องการจากลูกค้า
แล้วจะแต่งให้เด็กดูแก่กว่าจริง และปลอมเอกสารเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ทางกฎหมาย
เหยื่อมักจะมีพื้นเพคล้ายกัน บ่อยครั้งมาจากชุมชน ที่มีอาชญากรรม สูงและไม่สามารถเข้าถึงการศึกษา
แต่ว่า เหยื่อไม่ใช่จำกัดแต่เพียงเท่านี้ เพราะว่ามีทั้งชายและหญิงที่มาจากพื้นเพต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าเด็กเพื่อเซ็กซ์
นักจิตบำบัดหญิงผู้หนึ่งระบุขั้นตอน 5 ขั้นตอนในกระบวนการค้ามนุษย์เพื่อเซ็กซ์ คือขั้นมีจุดอ่อน ขั้นถูกสรรหาชักชวน ขั้นถูกขนส่ง ขั้นถูกฉวยประโยชน์ และขั้นปล่อยตัว
แต่ว่า เหยื่อมักจะไม่ค่อยถึงขั้นสุดท้าย
ฆาตกรรม และความตายจากอุบัติเหตุ มีอัตราสูง เช่นเดียวกับการฆ่าตัวตาย และมีเหยื่อน้อยมากที่รับการช่วยชีวิตหรือหนีไปได้
การค้ามนุษย์เพื่อเซ็กซ์เป็นธุรกิจที่กำไรดีเพราะว่ามีความเสี่ยง ต่ำและมีความต้องการทางตลาดสูง
กำไรที่สูงเป็นสิ่งล่อใจหลักในการแพร่ขยายของการค้ามนุษย์
ในปัจจุบัน การค้ามนุษย์เพื่อเซ็กซ์มักจะทำออนไลน์ โดยอำพรางรูปโฉมทำเป็นร้านค้า ทำให้ยากขึ้นที่จะบังคับใช้กฎหมาย
ตัวอย่างรวมทั้งบริการผู้ติดตาม (เอ๊สขอร์ต) ออนไลน์ ซ่องโสเภณี ในชุมชน และซ่องที่ทำเป็นโรงนวด หรือที่อาบน้ำ ซึ่งหลาย ๆ ที่มีเด็กเป็นทาส ให้บริการ[ 22]
เซ็กซ์เพื่อชีวิต
รูปแบบหลักอีกอย่างหนึ่งของการค้าประเวณีเด็กก็คือ เซ็กซ์ทรงชีพ (survival sex) โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้กำหนดไว้ว่า
"เซ็กซ์ทรงชีพ" เกิดขึ้นเมื่อเด็กร่วมกิจกรรมทางเพศ เพื่อจะได้เงิน อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า หรือสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ต่อการรอดชีวิต
ในสถานการณ์อย่างนี้ มักจะเป็นเรื่องที่เกิดแค่ระหว่างเด็กกับลูกค้าเท่านั้น
เด็กที่รับจ้างร่วมกิจกรรมทางเพศ ทรงชีพมักจะไม่มีแมงดา หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าเด็ก
บุคคลที่จ่ายค่าตอบแทนเพื่อเซ็กซ์กับเด็ก ไม่ว่าเด็กจะถูกควบคุมโดยแมงดา หรือจะรับจ้างทำเซ็กซ์ทรงชีพหรือไม่ สามารถถูกดำเนินคดีได้[ 23]
งานที่ว่าจ้างโดย UNICEF และองค์การนอกภาครัฐ Save the Children ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับการค้าประเวณีเด็กในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา หลังสงคราม
นักสังคมวิทยา ที่เป็นหัวหน้างานรายงานว่า ความยากจนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้าประเวณี
โดยกล่าวว่า
การค้าเซ็กซ์ในระดับโลกเป็นผลของความพยายามที่บุคคลจะอยู่รอดทุก ๆ วัน เพราะเหตุความยากลำบากทางเศรษฐกิจ เท่า ๆ กับที่เป็นปัญหากลุ่มอาชญากรรม
(ดังนั้น) การสู้กับอาชญากรรมแต่ไม่สู้กับความยากจน จึงเป็นการบำบัดอาการแต่ไม่ได้บำบัดโรค...
เป็นเรื่องไม่สามัญที่หญิงจะรู้ว่าตนกำลังจะเข้าไปทำอะไร และจึงเข้าไปอย่างอาสาสมัครโดยบางส่วน
บางทีพวกเธออาจจะคิดว่าตนจะต่างจากคนอื่นและจะสามารถหลีกออกจากสถานการณ์ได้ หรือว่า อาจจะต้องการเสี่ยงโชค มากกว่าที่จะรู้สึกทำอะไรไม่ได้ถ้าอยู่ที่บ้านในท่ามกลางความยากจน[ 19]
ส่วนนักวิชาการแจ็ฟและโรเซ็นไม่เห็นด้วยและอ้างว่า ความยากจนเพียงอย่างเดียวบ่อยครั้งไม่ได้บังคับให้เด็กค้าประเวณี เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ไม่แพร่หลายในกลุ่มสังคมที่ยากจนหลายกลุ่ม
แต่ว่าต้องมีอิทธิพลภายนอกอื่น ๆ เช่นสถานการณ์ทางครอบครัวและความรุนแรง ในบ้าน ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหา[ 24]
การค้าประเวณีเด็กเพื่อเซ็กซ์ทรงชีพเกิดขึ้นทั้งในประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาแล้ว
ในเอเชีย เด็กหญิงต่ำกว่าอายุบางครั้งทำงานในซ่องโสเภณี เพื่อช่วยเหลือครอบครัว
ในประเทศศรีลังกา ผู้ปกครองมักจะให้ลูกชาย มากกว่าลูกสาว เป็นโสเภณี เพราะว่าสังคมให้ความสำคัญกับพรหมจรรย์ของหญิงมากกว่าชาย
นักวิชาการแจ็ฟและโรเซ็นเขียนไว้ว่า การค้าประเวณีเด็กในอเมริกาเหนือ มักจะเป็นผลของ "ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ความรุนแรงและทารุณกรรมในบ้าน ครอบครัวที่แตกสาแหรกขาด และการติดยาเสพติด"[ 26]
ในประเทศแคนาดา มีหนุ่มเยาวชนคนหนึ่งที่ถูกตัดสินว่าผิดในข้อหาเกี่ยวกับการค้าประเวณีเด็กหญิงอายุ 15 ปีออนไลน์ในปี ค.ศ. 2012
คือ เขาได้ชักชวนเธอให้ขายประเวณีเพื่อจะได้เงิน เก็บเงินที่เธอได้ทั้งหมด แล้วข่มขู่เธอด้วยความรุนแรงถ้าไม่ทำต่อไป[ 27]
ผลเสียหาย
การปฏิบัติต่อเด็ก
เด็กมักจะถูกบังคับให้ทำงานในสถานการณ์ที่สกปรกและอันตราย
เสี่ยงต่อความรุนแรง และบางครั้งถูกตีและถูกข่มขืน
นักวิจัยกล่าวว่า พวกเขา "ต้องทนทุกข์กับทารุณกรรม การไร้ความสุข และสุขภาพที่แย่"[ 29]
ยกตัวอย่างเช่น นักเขียนผู้หนึ่งรายงานว่า เหยื่อการค้าเซ็กซ์หญิงจากประเทศเนปาล "ถูกบังคับให้ยินยอมโดยกระบวนการข่มขืนและตบตี แล้วให้ค้าประเวณีอาจจะถึง 35 ครั้งต่อคืนเพื่อเงิน 1-2 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อลูกค้าชาย"[ 30]
อีกตัวอย่างหนึ่งเป็นเรื่องเด็กชายชาวเนปาลจำนวนมาก ที่ถูกชักชวนให้ไปประเทศอินเดีย แล้วถูกขายให้ซ่องโสเภณี ในเมืองมุมไบ ไฮเดอราบาด นิวเดลี และลัคเนา
คือเหยื่อคนหนึ่งจากประเทศเนปาลไปเมื่ออายุ 14 ปีแล้วถูกขายเป็นทาส ถูกขัง ถูกตี ถูกอดอาหาร ถูกบังคับให้แต่งตัวเป็นเด็กหญิง และถูกบังคับให้ขริบหนังหุ้มปลายองคชาต
เขารายงานว่าถูกขังในซ่องกับเด็กชายอื่นอีก 40-50 คน ที่จำนวนมากถูกตอน ก่อนที่เขาจะหนีและกลับไปเนปาลหลังจากผ่านไป 7 ปี[ 31]
นักอาชญาวิทยา ผู้หนึ่งกล่าวว่า การค้าประเวณีเด็กและสื่อลามกอนาจารเด็ก สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
คือ เด็กโสเภณี 1 ใน 3 เกี่ยวข้องกับสื่อลามก จะเป็นภาพยนตร์ หรือสิ่งตีพิมพ์ก็ดี
วัยรุ่นที่หนีออกจากบ้าน มักจะถูกใช้ในภาพยนตร์และภาพลามก
นอกจากปัญหาสื่อลามกแล้ว
เด็กที่ถูกฉวยประโยชน์ทางเพศในโลกทั้งสองนี้มักจะเป็นเหยื่อของการทำร้ายทางเพศ (sexual assault) ความวิปริตทางเพศ กามโรค จะได้ความทรงจำที่ไม่ลืมเลือนเกี่ยวกับการถูกใช้ทางเพศอย่างผิด ๆ และจะได้ร่างกายที่ถูกล่วงล้ำอย่างน่าบัดสี ที่ถูกทารุณ ที่จะมีรอยด่างชั่วกาลนาน
ผลทางกายและใจ
ตามองค์กรต่อต้านนอกภาครัฐ องค์กรหนึ่ง การค้าประเวณีทำให้บาดเจ็บเช่น การฉีกขาดของช่องคลอด ผลทางกายต่าง ๆ จากการถูกทรมานและการถูกทำให้เจ็บ การติดเชื้อ หรือการตั้งครรภ์ ที่ไม่ต้องการ[ 34]
เนื่องจากลูกค้าน้อยนักที่จะระวังเรื่องเอชไอวี [ 34]
เด็กที่ถูกค้าประเวณีจึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดโรค และในบางพื้นที่เด็กโดยมากจะติดโรค
กามโรคอื่น ๆ ก็เป็นความเสี่ยงด้วย เช่น ซิฟิลิส และเริม
นอกจากนั้นแล้วเด็กยังมีวัณโรค ในระดับสูงอีกด้วย[ 29]
โรคเหล่านี้บ่อยครั้งทำให้ถึงตาย[ 2]
อดีตเด็กโสเภณีมักจะมีอาการเจ็บป่วยทางจิต รวมทั้งภาวะซึมเศร้า และความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD)[ 29]
มีผลลบทางใจอื่น ๆ รวมทั้งความโกรธ การนอนไม่หลับ ความสับสนเรื่องเพศและบุคลิกภาพ ความไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ การสูญเสียความมั่นใจ
มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับฟัน ตับอักเสบ บี และซี และปัญหารุนแรงเกี่ยวกับตับ และไต
มีปัญหาการแพทย์อื่น ๆ รวมทั้งปัญหาในระบบสืบพันธุ์ และความบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายทางเพศ (sexual assault)
มีปัญหาทางกายและทางประสาทจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง
และมีปัญหาสุขภาพทั่วไปอื่น ๆ รวมทั้งระบบลมหายใจและการเจ็บข้อ[ 34] [ 35]
การห้าม
เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง นำผู้ต้องสงสัยผู้ใหญ่ที่ถูกจับในปฏิบัติการในเดือนตุลาคม 2008 ที่ช่วยชีวิตเด็ก 105 คนจากการค้าประเวณีโดยบังคับ[ 36]
การค้าประเวณีเด็กผิดกฎหมายสากล
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กแห่งสหประชาชาติ มาตราที่ 34 กล่าวว่า
"รัฐผู้ร่วมอนุสัญญาจะดำเนินการป้องกันเด็กจากการฉวยประโยชน์และทารุณกรรมทางเพศ รวมทั้งการค้าประเวณีและการมีส่วนร่วมในสื่อลามกอนาจาร "
เป็นอนุสัญญาที่เริ่มทำเมื่อปี 1989 และมีประเทศ 193 ประเทศได้เข้าร่วมอนุสัญญาแล้ว
ในปี 1990 สหประชาชาติ ได้จัดตั้งตำแหน่ง "ผู้รายงานการประชุมพิเศษว่าด้วยการขายเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกอนาจารเด็ก" (Special Rapporteur on the sale of children, child prostitution and child pornography)[ 38] ที่จะสืบสวนการฉวยประโยชน์จากเด็กทั่วโลกแล้วให้คำแนะนำกับรัฐบาลต่าง ๆ เพื่อยุติปัญหา
แม้ว่าการค้าประเวณี ของผู้ใหญ่จะถูกผิดกฎหมายต่างกันในประเทศต่าง ๆ แต่ว่าการค้าประเวณีเด็กเป็นเรื่องผิดกฎหมายเกือบในทุกประเทศ และทุกประเทศล้วนมีข้อจำกัดบางอย่างในเรื่องนั้น[ 4]
มีข้อโต้เถียงกันว่าอย่างไรเป็นเด็กที่ถูกค้าประเวณี
กฎหมายสากลนิยามเด็กว่าเป็นบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี[ 39]
แต่มีประเทศบางประเทศที่มีอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ และอายุความเป็นผู้ใหญ่ที่ต่ำกว่านั้น
โดยปกติอยู่ในระหว่าง 13-17 ปี[ 4]
ดังนั้น บางครั้งเจ้าหน้าที่จึงลังเลที่จะตรวจสอบกรณีต่าง ๆ เนื่องจากความแตกต่างของอายุที่ยอมรับ[ 4]
แต่ว่าก็มีกฎหมายของบางประเทศที่แยกแยะระหว่างวัยรุ่น และเด็ก ที่ถูกค้าประเวณี
ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลญี่ปุ่น จัดเด็กโสเภณีระหว่าง 13-18 ปีว่าเป็นวัยรุ่น
โทษของผู้ทำผิดต่าง ๆ กันในแต่ละประเทศ
ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา โทษของการมีส่วนร่วมกับการค้าประเวณีเด็กรวมทั้งการจำคุก 5-20 ปี
ส่วนในประเทศไทย นอกจากจะมีกำหนดโทษในกรณีต่าง ๆ ของการค้าประเวณี แล้ว ยังมีกำหนดลงโทษพิเศษเกี่ยวกับเด็กในกรณีที่เป็นผู้กระทำชำเราเด็กในสถานการค้าประเวณี[ 42] : มาตรา 8 เป็นผู้จัดหา ล่อไป หรือชักพาไป[ 42] : มาตรา 9 รับตัวหรือสนับสนุนให้รับเด็กที่ถูกจัดหาล่อไปหรือชักพาไป[ 42] : มาตรา 9 บิดามารดาผู้ปกครองมีส่วนร่วม[ 42] : มาตรา 10 หรือเป็นเจ้าของกิจการ ผู้ดูแล ผู้จัดการ หรือผู้ควบคุม[ 42] : มาตรา 11
สำนักงานสอบสวนกลาง ของสหรัฐได้ตั้งแผนกใหม่ (Innocence Lost) ที่ทำงานปลดปล่อยเด็กจากการค้าประเวณี โดยตอบสนองต่อปฏิกิริยาของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับปฏิบัติการของสำนักงานที่ปล่อยเด็ก 23 คนจากการค้าประเวณีโดยบังคับในปี 2011[ 43]
ความแพร่หลาย
การค้าประเวณีเด็กมีอยู่ในทุกประเทศ แต่มีปัญหามากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเอเชีย [ 24]
แต่ว่า จำนวนเด็กโสเภณีก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในส่วนอื่น ๆ ของโลกรวมทั้ง อเมริกาเหนือ แอฟริกา และยุโรป [ 24]
สถิติ ที่แน่นอนหาได้ยาก
แต่ว่าโดยประเมิน มีเด็กประมาณ 10 ล้านคนที่ค้าประเวณีทั่วโลก[ 2]
ให้สังเกตว่านี้เป็นแค่รายการตัวอย่าง เพราะว่าไม่ได้รวมทุกประเทศที่มีเด็กถูกค้าประเวณี
โดยปี 1999 มีรายงานว่าการค้าประเวณีเด็กในประเทศอาร์เจนตินา กำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ และอายุเฉลี่ย ก็กำลังลดลง
องค์การนอกภาครัฐ องค์กรหนึ่งกล่าวว่า อาร์เจนตินาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเซ็กซ์เด็ก ยอดนิยมแห่งหนึ่งสำหรับคนใคร่เด็ก จากยุโรป และสหรัฐอเมริกา [ 69]
แต่ว่า การค้าประเวณีเด็กอายุ 18 ปีและน้อยกว่าจัดเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมาย ของประเทศ[ 70]
แต่ลงโทษบุคคลที่ "โปรโหมตหรืออำนวย" การค้าประเวณีเท่านั้น ไม่ลงโทษลูกค้าที่ฉวยประโยชน์จากเด็ก [ 71]
ความเห็น
จากสาธารณชน
นักมานุษยวิทยา คนหนึ่งกล่าวว่า สังคมโดยมากมีความเห็นเชิงลบเกี่ยวกับการค้าประเวณีเด็ก ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าเด็กถูกทอดทิ้งหรือขายโดยผู้ปกครอง และครอบครัว
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ รวมการค้าประเวณีเด็กในรายการ "รูปแบบแรงงานเด็กที่แย่ที่สุด"[ 73]
งานประชุมโลกใหญ่ต้านการฉวยประโยชน์การค้าทางเพศจากเด็กในปี 1996 เรียกการค้าประเวณีเด็กว่า "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ " "การทรมาน" และ "การเป็นทาส "
ผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการฉวยประโยชน์จากเด็กและการค้ามนุษย์ พร้อมกับผู้ร่วมเขียนที่เป็นศาสตราจารย์ ทางกฎหมายกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนอารมณ์ที่มีมุมมองหลายด้านเกี่ยวกับการป้องกัน คือ
ประเด็นการห้ามและการลงโทษเพราะการฉวยประโยชน์จากเด็กเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง
แม้ว่าจะมีมติโดยทั่วไปว่า การฉวยประโยชน์จากเด็ก ไม่ว่าจะมาจากอินเทอร์เน็ต จากการค้าประเวณีแบบบังคับ จากการลักลอบพาเด็กข้ามประเทศหรือภายในประเทศเพื่อค้าเซ็กซ์ หรือว่าจากการทำร้ายเด็กทางเพศ (molestation) เป็นเรื่องที่เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้ที่รู้เหตุการณ์ทั้งในสหรัฐอเมริกา และที่อื่น ๆ มีข้อตกลงร่วมกันน้อยว่า เป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายแค่ไหน
หรือว่าควรจะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหานี้ถ้าต้องทำโดยประการทั้งปวง
นักข่าวสืบสวนคนหนึ่งกล่าวว่า การเหมารวม เรื่องการค้าประเวณีเด็กดำเนินมาเรื่อย ๆ จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1990
จนกระทั่งเมื่อเกิดองค์กรต่อต้านขึ้นองค์กรแรก และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มทำการเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด
นักอาชญาวิทยา คนหนึ่งกล่าวว่า ความเป็นห่วงเรื่องโรคใคร่เด็กและการทารุณเด็กทางเพศ และทัศนคติ เกี่ยวกับเยาวชน ที่เปลี่ยนไป ทำให้ประชาชนเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการค้าประเวณี ของผู้ใหญ่ กับของเด็ก
คือ แม้ว่าประชาชนจะไม่ชอบใจการค้าประเวณีของผู้ใหญ่ แต่เห็นการค้าของเด็กว่ารับไม่ได้
นอกจากนั้นแล้ว เด็กยังมองว่าเป็นผู้ "ไร้เดียงสา" หรือ "บริสุทธิ์" และการถูกค้าประเวณีจึงเทียมเท่ากับถูกจับเป็นทาส
โดยทัศนคติที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ ประชาชนจึงเริ่มเห็นเด็กในการค้าเพศว่าเป็นเหยื่อแทนที่จะเป็นผู้กระทำผิด
เป็นผู้ควรที่จะฟื้นฟูสภาพแทนที่จะลงโทษ
จากผู้ต่อต้าน
แม้ว่าการรณรงค์ต่อต้านการค้าประเวณีเด็กจะมีตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1800 แล้ว
แต่การประท้วง โดยคนจำนวนมากเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในคริสต์ทศวรรษ 1990 ในสหรัฐอเมริกา นำโดยองค์กร ECPAT (ย่อมาจากคำว่า หยุดการค้าประเวณีเด็ก สื่อลามกเด็ก และการค้าเด็กเพื่อเซ็กซ์)
นักประวัติศาสตร์ กล่าวถึงกลุ่มนี้ว่า "เป็นกลุ่มรณรงค์ต่อต้านการค้าประเวณีเด็กที่สำคัญที่สุด"
โดยเบื้องต้นกลุ่มให้ความสนใจในปัญหาเด็กถูกฉวยประโยชน์ในเอเชียอาคเนย์ โดยนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก
ต่อมา กลุ่มสิทธิสตรี และกลุ่มต่อต้านเซ็กซ์ทัวร์ ได้เข้าร่วมประท้วงการดำเนินการเซ็กซ์ทัวร์ ในกรุงเทพมหานคร
เพราะการจุดชนวนจากรูปเยาวชนไทยที่ค้าประเวณีและออกข่าวในนิตยสาร ไทม์
และจากการตีพิมพ์พจนานุกรม ในสหราชอาณาจักร ที่กล่าวถึงกรุงเทพว่า "เป็นแหล่งที่มีโสเภณีมาก"
นักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมกล่าวว่า แม้ว่า การประท้วงจะไม่ช่วยลดเซ็กซ์ทัวร์หรืออัตราการค้าประเวณีเด็กที่กำลังเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มเหล่านี้ "กระตุ้นความเห็นมวลชนทั้งระดับชาติและระดับสากล" และประสบผลสำเร็จในการชักให้สื่อมวลชนใส่ใจในเรื่องนี้อย่างกว้างขวางเป็นครั้งแรก
ECPAT ต่อมาจึงขยายการประท้วงเรื่องการค้าประเวณีเด็กไปทั่วโลก
ในสหรัฐอเมริกาปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 มีการตั้งบ้านหลีกภัยและโปรแกรมฟื้นฟูสภาพสำหรับเด็กที่ถูกค้าประเวณี
และตำรวจก็เริ่มสืบสวนปัญหานี้อย่างเอาจริงเอาจัง
ศูนย์ทรัพยากรการค้ามนุษย์แห่งชาติก็ได้รับการก่อตั้งขึ้น สามารถโทรไปหาได้ฟรี 24 ชม. ตลอด 7 วัน[ 82]
โดยออกแบบให้ผู้โทรสามารถรายงานข้อมูลหรือรับข้อมูลเกี่ยวกับการค้ามนุษย์[ 83]
การต่อต้านการค้าประเวณีเด็กและความเป็นทาสทางเพศขยายไปยังยุโรปและประเทศอื่น ๆ โดยองค์การต่าง ๆ ผลักดันให้ยอมรับเด็กว่าเป็นเหยื่อแทนที่จะเป็นผู้กระทำผิด
ซึ่งก็ยังเป็นประเด็นที่ยังเด่นในปีต่อ ๆ มา ที่องค์กรต่าง ๆ ช่วยรณรงค์ในทศวรรษ 2000 และ 2010
ประวัติ
นักข่าวแบบสืบสวนรุ่นบุกเบิกนายวิลเลียม โทมัส สเตด (ปี ค.ศ. 1881) ที่เขียนข่าวเกี่ยวกับการขายเด็กหญิงอายุ 13 ปี ที่เร้าความวิตกตกใจของสาธารณชนมีผลให้รัฐสภา อังกฤษ เพิ่มอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ จาก 13 ในเวลานั้นขึ้นเป็น 16 ปี
การค้าประเวณีเด็กมีอยู่ตั้งแต่ในสมัยโบราณ
เด็กชายก่อนวัยหนุ่มถูกขายประเวณีโดยทั่วไปในซ่อง ทั้งในกรีซ และโรมโบราณ [ 84]
ตามนักเขียนท่านหนึ่ง "เด็กหญิงชาวอียิปต์ ที่สวยที่สุดและตระกูลสูงที่สุดจะถูกบังคับให้ค้าประเวณี... และจะเป็นเด็กหญิงโสเภณีจนเริ่มมีประจำเดือน เป็นครั้งแรก"
ส่วนการขายเด็กเพื่อค้าประเวณีของพ่อแม่เด็กจีน และอินเดีย เป็นเรื่องปกติ
และพ่อแม่ในอินเดียบางครั้งจะอุทิศลูกสาวให้กับวัดฮินดูเป็น "เทวทาสี "
ซึ่งในอดีตเป็นตำแหน่งมีศักดิ์ศรีในสังคม คือเทวทาสีดั้งเดิมมีหน้าที่รักษาและทำความสะอาดวัดของเทวดาฮินดูที่ตนอุทิศให้ และเรียนรู้การดนตรี และการเต้นรำ
แต่เมื่อระบบวิวัฒนาการต่อ ๆ มา บทบาทเปลี่ยนกลายเป็นโสเภณีวัด และเด็กหญิงที่ถูกอุทิศให้ก่อนเป็นสาว ก็จะถูกบังคับให้ค้าประเวณีกับชายชั้นสูง
แม้ว่าข้อปฏิบัติเช่นนี้จะผิดกฎหมายแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน
ในยุโรป การค้าประเวณีเด็กรุ่งเรืองจนกระทั่งถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1800
เช่นมีเด็กในอัตรา 50% ของคนค้าประเวณีในนครปารีส
ต่อมาเรื่องอื้อฉาวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอังกฤษ มีผลให้รัฐบาลปรับอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้ ขึ้น[ 89]
คือในเดือนกรกฎาคม 1885 นายวิลเลียม โทมัส สเตด ผู้เป็นบรรณาธิการ ของหนังสือพิมพ์ Pall Mall Gazette พิมพ์บทความชุด "ส่วย จากเด็กหญิงของเมืองบาบิโลน ปัจจุบัน (The Maiden Tribute of Modern Babylon)" มี 4 บทความที่บรรยายกลุ่มอาชญากรรม ขายเซ็กซ์เด็กใต้ดินที่นายสเตดรายงานว่า ขายเด็กให้ผู้ใหญ่
รายงานของนายสเตดพุ่งความสนใจไปที่เด็กหญิงอายุ 13 ปีนามว่า เอลิซา อารม์สตองก์ ผู้ถูกขายในราคา 5 ปอนด์สเตอร์ลิง (เท่ากับ 500 ปอนด์ในปี 2012 หรือประมาณ 24,490 บาท) แล้วนำไปหาหมอตำแย เพื่อตรวจดูว่ายังเป็นหญิงพรหมจรรย์
และภายในอาทิตย์ที่พิมพ์ชุดบทความ รัฐบาลอังกฤษได้ปรับอายุที่ยอมให้ร่วมประเวณีได้จาก 13 เป็น 16 ปี[ 90]
ซึ่งเป็นยุคนี้นั่นแหละที่คำว่า "white slavery" (ทาสขาว) กลายเป็นศัพท์ที่ใช้ทั่วยุโรป และสหรัฐ หมายถึงเด็กที่ถูกค้าประเวณี
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถและอ้างอิง
↑ doi :10.2307/1358234 This citation will be automatically completed in the next few minutes. You can jump the queue or expand by hand
↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Willis, Brian M.; Levy, Barry S. (2002-04-20). "Child prostitution: global health burden, research needs, and interventions" . National Institutes of Health. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 Jaffe & Rosen 1997 , p. 10
↑ Lim 1998 , p. 170:the act of engaging or offering the services of a child to perform sexual acts for money or other consideration with that person or any other person
↑ Lim 1998 , p. 170-171:the act of obtaining, procuring or offering the services of a child or inducing a child to perform sexual acts for any form of compensation or reward
↑ "C182 - Worst Forms of Child Labour Convention, 1999 (No. 182)" . International Labour Organization . 1999-06-17. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ "Child Exploitation and Obscenity" . United States Department of Justice. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ Hinman, Kristen (2011-11-02). "Child sex trafficking stereotypes demolished" . Westword . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2011-12-05. สืบค้นเมื่อ 2011-12-04 .
↑ 14.0 14.1 "Human Trafficking FAQs" . United Nations Office on Drugs and Crime. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ "Who are the Victims?" . End Human Trafficking Now. 2012. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ "UNODC report on human trafficking exposes modern form of slavery" . United Nations Office on Drugs and Crime. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ "About UN.GIFT" . Ungift.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2015-08-04. สืบค้นเมื่อ 2015-08-18 .
↑ 19.0 19.1 "Child sex-trafficking study in Bosnia reveals misperceptions" . Medical News Today . 2005-03-01. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28 .
↑ "Human Trafficking | Polaris | Combating Human Trafficking and Modern-day Slavery" . Polarisproject.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2015-07-21. สืบค้นเมื่อ 2015-08-18 .
↑ "Frequently Asked Questions (FAQs) for: Prostitution of Children" . United States Department of Justice. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-02. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ 24.0 24.1 24.2 Jaffe & Rosen 1997 , p. 11
↑ Jaffe & Rosen 1997 , p. 26
↑ Dickson, Louise (2012-05-30). "Pimp who sold girl, 15, for sex gets three years" . Times Colonist . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-02. สืบค้นเมื่อ 2016-02-09 .
↑ 29.0 29.1 29.2 Clark, Freeman Clark & Adamec 2007 , p. 68
↑ 30.0 30.1 Jensen 2004 , p. 41
↑ "Former sex worker's tale spurs rescue mission" . Gulf Times . Gulf-Times.com. 2005-04-10. สืบค้นเมื่อ 2010-10-05 . “I spent seven years in hell,” says Raju, now 21, trying hard not to cry. Thapa Magar took him to Rani Haveli, a brothel in Mumbai that specialised in male sex workers and sold him for Nepali Rs 85,000. A Muslim man ran the flesh trade there in young boys and girls, most of them lured from Nepal. For two years, Raju was kept locked up, taught to dress as a girl and circumcised. Many of the other boys there were castrated. Beatings and starvation became a part of his life. “There were 40 to 50 boys in the place,” a gaunt, brooding Raju recalls. “Most of them were Nepalese.”
↑ 34.0 34.1 34.2 "Child Prostitution" . Humanium. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28 .
↑ Du Mont & McGregor, 2004: Edinburgh; Saewye, Thao, & Levitt, 2006; Farley et al., 2003; Hoot et al., 2006; Izugbara, 2005; Nixon et al., 2002; Potter, Martin, & Romans,1999; Pyett & Warr, 1977
↑ "FBI — Operation Cross Country II" . FBI. 2008-10. สืบค้นเมื่อ 2013-07-30 .
↑ "Special Rapporteur on the sale of children, child prostitution and child pornography" . United Nations Human Rights. สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ Jaffe & Rosen 1997 , p. 9
↑ 42.0 42.1 42.2 42.3 42.4 "พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539" (PDF) . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF ) เมื่อ 2016-03-08. สืบค้นเมื่อ 2016-02-09 .
↑ C.G. Niebank (2011-09-07). "Human network" . Oklahoma Gazette . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-02. สืบค้นเมื่อ 2013-09-05 .
↑ "Link to High Beam Research Site" . Highbeam.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-09-04. สืบค้นเมื่อ 2012-09-15 .
↑ "2008 Human Rights Report: Bangladesh" . United States Department of State . สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Highway of hell: Brazil's child prostitution scandal" . news.com.au. 2013-11-26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-11-26. สืบค้นเมื่อ 2013-11-26 .
↑ Bramham, Daphne (2012-03-23). "In Cambodia, there's a price on childhood" . Vancouver Sun . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2014-02-28. สืบค้นเมื่อ 2013-11-30 .
↑ "Child Prostitution" . Children of Cambodia. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Bureau of International Labor Affairs - Chile" . Department of Labor. 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-02. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Soaring child prostitution in Colombia" . BBC Online . 2001-01-27. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Worst Forms of Child Labour Data - Dominican Republic" . International Labour Organization . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 2013-10-11 .
↑ "Report" . United States Department of State. 2006-03-08. สืบค้นเมื่อ 2012-09-15 .
↑ "Worst Forms of Child Labour Data - Estonia" . International Labour Organization . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 2013-10-11 .
↑ "Worst Forms of Child Labour Data - Greece" . International Labour Organization . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-15. สืบค้นเมื่อ 2013-10-12 .
↑ "Worst Forms of Child Labour Data - Hungary" . International Labour Organization . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 2013-10-11 .
↑ "Official: More than 1M child prostitutes in India" . CNN . 2009-05-11. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Indonesia" . United States Department of Labor. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-02. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Indonesia" . HumanTrafficking.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-09-16. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "16,000 Victims of Child Sexual Exploitation" . Inter Press Service. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-03-26. สืบค้นเมื่อ 2012-09-15 .
↑ ECPAT (2005-04-21). "Under Age Prostitution" (Press release). Scoop. สืบค้นเมื่อ 2012-09-15 .
↑ 63.0 63.1 "Child prostitution becomes global problem, with Russia no exception" . Pravda . Pravda.Ru. 2006-11-10. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "Factsheet: Child Trafficking in the Philippines" (PDF) . UNICEF . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2014-01-24. สืบค้นเมื่อ 2013-11-30 .
↑ "40,000 child prostitutes in Sri Lanka, says Child Rights Group" . TamilNet . 2006-12-06. สืบค้นเมื่อ 2013-09-27 .
↑ "100,000 Children Are Forced Into Prostitution Each Year" . ThinkPorgress Blog. 2013-07-09.
↑ "Worst Forms of Child Labour Data - Zambia" . International Labour Organization . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 2013-10-11 .
↑ "ECPAT International, A Step Forward" . Gvnet.com. 1999.
↑ 1 Codigo Penal y Leyes Complementarias, art. 125 bis (6th ed.). Buenos Aires: Editorial Astrea. 2007.
↑ "Children\'s Rights: Argentina | Law Library of Congress" . Library of Congress. สืบค้นเมื่อ 2012-09-15 .
↑ "The worst forms of child labour" . International Labour Organization . สืบค้นเมื่อ 2013-09-26 .
↑ "Combating Human Trafficking and Modern-day Slavery" . Polaris Project. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2013-09-28. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28 .
↑ "National Human Trafficking Resource Center | Polaris Project | Combating Human Trafficking and Modern-day Slavery" . Polaris Project. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28 .
↑ Clark, Freeman Clark & Adamec 2007 , p. 68-69
↑ Clark, Freeman Clark & Adamec 2007 , p. 69
↑ Hogenboom, Melissa (2013-11-01). "Child prostitutes: How the age of consent was raised to 16" . BBC News. สืบค้นเมื่อ 2013-11-30 .
อ้างอิง
Bagley, Christopher; King, Kathleen (2004). Child Sexual Abuse: The Search for Healing . Routledge. ISBN 0203392590 .
Brown, Louise (2001). Sex Slaves: The Trafficking of Women in Asia . Virago Press. ISBN 1860499031 .
Chan, Jennifer (2004). Gender and Human Rights Politics in Japan: Global Norms and Domestic Networks . Stanford University Press. ISBN 080475022X .
Clark, Robin; Freeman Clark, Judith; Adamec, Christine A. (2007). The Encyclopedia of Child Abuse . Infobase Publishing. ISBN 0788146068 .
Cossins, Anne (2000). Masculinities, Sexualities and Child Sexual Abuse . Martinus Nijhoff Publishers. ISBN 904111355X .
Cowan, Jane K.; Wilson, Richard J. (2001). Culture and Rights: Anthropological Perspectives . Cambridge University Press. ISBN 0521797357 .
De Chesnay, Mary (2013). Sex Trafficking: A Clinical Guide for Nurses . Springer Publishing Company. ISBN 0826171168 .
Dewey, Susan; Kelly, Patty (2011). Policing Pleasure: Sex Work, Policy, and the State in Global Perspective . Cambridge University Press. ISBN 0521797357 .
Fine, Gary Alan; Ellis, Bill (2011). The Global Grapevine: Why Rumors of Terrorism, Immigration, and Trade Matter . NYU Press. ISBN 0814785115 .
Flowers, Ronald (1998). The Prostitution of Women and Girls . McFarland Publishing. ISBN 0786404906 .
Flowers, Ronald (1994). The Victimization and Exploitation of Women and Children: A Study of Physical, Mental and Sexual Maltreatment in the United States . McFarland Publishing. ISBN 0899509789 .
Institute of Social Sciences (New Delhi, India); National Human Rights Commission (2005). Trafficking in Women and Children in India . Orient Blackswan. ISBN 8125028455 .
Jaffe, Maureen; Rosen, Sonia (1997). Forced Labor: The Prostitution of Children: Symposium Proceedings . Diane Publishing. ISBN 0788146068 .
Jensen, Derrick (2004). The Culture of Make Believe . Chelsea Green Publishing. ISBN 1603581839 .
Kendall, Virginia M.; Funk, Markus T. (2012). Child Exploitation and Trafficking: Examining the Global Challenges and U.S Responses . Rowman & Littlefield. ISBN 1442209801 .
Lim, Lin Lean (1998). The Sex Sector: The Economic and Social Bases of Prostitution in Southeast Asia . International Labour Organization . ISBN 9221095223 .
Madsen, Richard; Strong, Tracy B. (2009). The Many and the One: Religious and Secular Perspectives on Ethical Pluralism in the Modern World . Princeton University Press. ISBN 1400825598 .
Matthews, Roger (2008). Prostitution, Politics & Policy . Routledge. ISBN 0203930878 .
Narayan, O.P. (2005). Harnessing Child Development: Children and the culture of human . Gyan Publishing House. ISBN 8182053005 .
O'Connor, Vivienne M.; Rausch, Colette; Klemenčič, Goran; Albrecht, Hans-Jörg (2007). Model Codes for Post-conflict Criminal Justice: Model criminal code . US Institute of Peace Press. ISBN 1601270127 .
Panter-Brick, Catherine; Smith, Malcolm T. (2000). Abandoned Children . Cambridge University Press. ISBN 0521775558 .
Penn, Michael L. (2003). Overcoming Violence Against Women and Girls: The International Campaign to Eradicate a Worldwide Problem . Rowman & Littlefield. ISBN 0742525007 .
Regehr, Cheryl; Roberts, Albert R.; Wolbert Burgess, Ann (2012). Victimology: Theories and Applications . Jones & Bartlett Publishers. ISBN 1449665330 .
Rodriguez, Junius P. (2011). Slavery in the Modern World: A History of Political, Social, and Economic Oppression . ABC-CLIO. ISBN 1851097880 .
Sher, Julian (2011). Somebody's Daughter: The Hidden Story of America's Prostituted Children and the Battle to Save Them . Chicago Review Press. ISBN 1569768331 .
Whetsell-Mitchell, Juliann (1995). Rape of the Innocent: Understanding and Preventing Child Sexual Abuse . Taylor and Francis. ISBN 1560323949 .
แหล่งข้อมูลอื่น