African rice, second most common rice
Oryza glaberrima หรือ ข้าวแอฟริกา เป็นหนึ่งในสองสปีชีส์ของข้าว ปลูก [ 1] โดยเริ่มปลูกครั้งแรกในแอฟริกาตะวันตก เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน[ 2] [ 3] ในทางการเกษตร ข้าวแอฟริกาถูกข้าวเอเชีย (O. sativa) แทนที่และมีจำนวนสายพันธุ์ลดลง[ 1] เนื่องจากข้าวเอเชียให้ผลตอบแทนสูงกว่า[ 2] อย่างไรก็ตามข้าวแอฟริกายังคงยืนหยัดอยู่และคิดเป็นประมาณ 20% ของข้าวที่ปลูกในแอฟริกาตะวันตก[ 4] แม้ว่าปัจจุบันข้าวชนิดนี้มักไม่ถูกนำไปขายในตลาดแอฟริกาตะวันตก
เมื่อเปรียบเทียบกับข้าวเอเชียแล้ว ข้าวแอฟริกามีความทนทานทนต่อศัตรูพืช ใช้แรงงานต่ำ และเหมาะสมกับสภาพแอฟริกาที่หลากหลายมากกว่า[ 1] โดยได้รับการอธิบายว่าทำให้อิ่มและมีรสมัน[ 1] นอกจากนี้ยังปลูกด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สําหรับสาวกของ Awasena (ศาสนาแอฟริกาดั้งเดิม ) ในหมู่ชาว Jola [ 5]
การผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวแอฟริกาและเอเชียเป็นเรื่องยาก แต่ยังคงมีสายพันธุ์ข้ามอยู่บ้าง[ 6] [ 7] [ 8]
ประวัติ
ข้าวแอฟริกาที่เติบโตตามแม่น้ำไนเจอร์ สถานที่ที่ถูกปรับตัวเป็นไม้เลี้ยงครั้งแรก
มีความเป็นไปได้สูงที่มนุษย์จะปรับตัวข้าวสองสายพันธุ์ที่แตกต่างกันเป็นไม้เลี้ยงโดยไม่เกี่ยวข้องกัน ข้าวแอฟริกามีความคล้ายคลึงกับข้าวแอฟริกาป่า (O. barthii ) อย่างมาก เช่นเดียวกับที่ข้าวเอเชีย (O. sativa ) นั้นคล้ายคลึงกับข้าวป่าเอเชีย (O. rufipogon ) และมีความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างสองสปีชีส์นี้อย่างมาก
ยังคงสามารถพบเห็น O. barthii เติบโตตามธรรมชาติในแอฟริกา ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย เดิมทะเลทรายซาฮารามีสภาพอากาศที่ชื้นกว่าปัจจุบัน โดยเคยมีทะเลสาบขนาดมหึมาในสถานที่ซึ่งปัจจุบันคือทะเลทรายซาฮารา ตะวันตก เมื่อสภาพอากาศแห้ง ข้าวป่าก็ลดจำนวนลงและอาจกลายเป็นไม้เลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากใช้จำเป็นต้องชลประทาน โดยมนุษย์[ 4]
เริ่มมีการปลูกข้าวแอฟริกาเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน[ 9] ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำบนแผ่นดินของแม่น้ำไนเจอร์ ตอนบน ซึ่งปัจจุบันคือประเทศมาลี .[ 1] [ 2] จากนั้นแพร่กระจายไปทั่วแอฟริกาตะวันตก นอกจากนี้ยังถูกพบบริเวณนอกชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาในหมู่เกาะแซนซิบาร์
การใช้
ข้าวแอฟริกามักปลูกพร้อมกันหลายสายพันธุ์ซึ่งทำให้สามารถเก็บเกี่ยวและรับประทานสดได้ ข้าวที่เก็บเกี่ยวใหม่จะชื้น พองเมื่อเจอไฟ และรับประทานได้ ข้าวผัดมีสีน้ำตาลเมื่อผัดเพราะเปลือกสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อถูกความร้อน
ข้าวแอฟริกาสามารถหุงได้เหมือนกับข้าวเอเชีย แต่ข้าวแอฟริกาจะมีรสชาติมัน ซึ่งเป็นที่นิยมในแอฟริกาตะวันตก[ 1] [ 10] เมล็ดข้าวแอฟริกามักมีสีแดง บางพันธุ์มีกลิ่นหอมแรง[ 4] ในขณะที่บางสายพันธุ์ เช่น Carolina Gold ไม่มีกลิ่นหอมเลย[ 11]
นอกจากนี้ยังมีการใช้ข้าวแอฟริกาในทางการแพทย์[ 10]
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Linares, Olga F. (2002-12-10). "African rice (Oryza glaberrima ): History and future potential" . Proceedings of the National Academy of Sciences . 99 (25): 16360–16365. Bibcode :2002PNAS...9916360L . doi :10.1073/pnas.252604599 . ISSN 1091-6490 . PMC 138616 . PMID 12461173 .
↑ 2.0 2.1 2.2 Wang, Muhua; Yu, Yeisoo; Haberer, Georg; Marri, Pradeep Reddy; Fan, Chuanzhu; Goicoechea, Jose Luis; Zuccolo, Andrea; Song, Xiang; Kudrna, Dave; Ammiraju, Jetty S. S.; Cossu, Rosa Maria; Maldonado, Carlos; Chen, Jinfeng; Lee, Seunghee; Sisneros, Nick; de Baynast, Kristi; Golser, Wolfgang; Wissotski, Marina; Kim, Woojin; Sanchez, Paul; Ndjiondjop, Marie-Noelle; Sanni, Kayode; Long, Manyuan; Carney, Judith; Panaud, Olivier; Wicker, Thomas; Machado, Carlos A.; Chen, Mingsheng; Mayer, Klaus F. X.; Rounsley, Steve; Wing, Rod A. (2014-07-27). "The genome sequence of African rice (Oryza glaberrima) and evidence for independent domestication" . Nature Genetics . 46 (9): 982–988. doi :10.1038/ng.3044 . ISSN 1061-4036 . PMC 7036042 . PMID 25064006 .
↑ Judith A. Carney (2004), " 'With Grains in Her Hair': Rice in Colonial Brazil" (PDF) , Slavery and Abolition , London : Frank Cass , vol. 25 no. 1, pp. 1–27, doi :10.1080/0144039042000220900 , S2CID 3490844 , คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2016-11-05, สืบค้นเมื่อ 2016-08-09
↑ 4.0 4.1 4.2 Plant Resources of Tropical Africa , PROTA4U database, Oryza glaberrima Steud , คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2016-11-05, สืบค้นเมื่อ 2023-03-16
↑ Thiam, Pierre; Sit, Jennifer (2015). "Senegal: Modern Senegalese Recipes from the Source to the Bowl". A System of Rice Production, Broken . Lake Isle Press.
↑ Sarla, N.; Swamy, B. P. Mallikarjuna (2005-09-25). "Oryza glaberrima : A source for the improvement of Oryza sativa " . Current Science . Indian Academy of Sciences . 89 (6): 955–963. ISSN 0011-3891 . Current Science Association . สืบค้นเมื่อ 2016-08-10 .
↑ Barry, M. B.; Pham, J. L.; Noyer, J. L.; Billot, C.; Courtois, B.; Ahmadi, N. (2007-01-04). "Genetic diversity of the two cultivated rice species (O. sativa & O. glaberrima ) in Maritime Guinea. Evidence for interspecific recombination". Euphytica . 154 (1–2): 127–137. doi :10.1007/s10681-006-9278-1 . ISSN 0014-2336 . S2CID 23798032 .
↑ GRAIN (2009), Nerica: another trap for small farmers in Africa (PDF)
↑ Chen, Erwang; Huang, Xuehui; Tian, Zhixi; Wing, Rod A.; Han, Bin (2019-04-29). "The Genomics of Oryza Species Provides Insights into Rice Domestication and Heterosis". Annual Review of Plant Biology . Annual Reviews . 70 (1): 639–665. doi :10.1146/annurev-arplant-050718-100320 . ISSN 1543-5008 . PMID 31035826 . S2CID 140266038 .
↑ 10.0 10.1 "Oryza glaberrima (African rice)" . Plants & Fungi At Kew Gardens . สืบค้นเมื่อ 2016-08-10 .
↑ Shields, David S. (2011). "Charleston Gold: A Direct Descendant of Carolina Gold" (PDF) . The Rice Paper . 5 (1). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2018-05-13.
อ่านเพิ่มเติม