โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (อังกฤษ: The Demonstration School of Bansomdejchaopraya Rajabhat University; ย่อ: บ.ส. / satit bsru) เรียกอย่างย่อว่า สาธิตบ้านสมเด็จ เป็นโรงเรียนในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ก่อตั้งโดย สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2439 ปัจจุบันโรงเรียนมีอายุ 128 ปี โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และเคยเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของกรุงเทพมหานครฝั่งธนบุรี[1]
โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ ปัจจุบันตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 1061 ซอยอิสรภาพ 15 ถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง ได้แก่ อาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) อาคารสุริยาคาร (อาคาร 19) และอาคารวิทยาศาสตร์ (อาคาร 20) โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จเป็นโรงเรียนที่มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความเป็นเลิศทางวิชาการ เป็นต้นแบบฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู นำนวัตกรรมทางการศึกษามาจัดการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานให้มีคุณภาพตามมาตรฐานโรงเรียนชั้นนำ โรงเรียนผลิตศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราปต์ นักเขียน นักแสดง นักวิจัย บุคคลากรทางการศึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย
โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ เป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่อง "อิสระและเสรีภาพของนักเรียน" เป็นอย่างมาก ดังเห็นได้จากคำกล่าวของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ อาจารย์เจียมศักดิ์ คงสงค์ ที่ได้เคยกล่าวไว้ว่า "เด็กไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไม่ต้องขังคอก"[2] เนื่องจากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยจึงทำให้โรงเรียนไม่มีประตูและรั้วเหมือนโรงเรียนอื่น ทำให้นักเรียนสามารถเข้าออกโรงเรียนได้อย่างอิสระ ตอนพัก นักเรียนสามารถออกมาหาซื้ออุปกรณ์การเรียน ถ่ายเอกสาร ได้ด้วยตนเองทำให้เกิดความคล่องตัวในการใช้ชีวิตภายในโรงเรียน ในช่วงพักกลางวันนักเรียนส่วนใหญ่มักจะออกไปรัปประทานอาหารข้างหน้าปากซอยหรือบิ๊กซีอิสรภาพ บางกลุ่มก็อาจจะไปไกลถึงไอคอนสยาม วังหลังหรือเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ทำให้นักเรียนได้ฝึกความรับผิดชอบและการบริหารเวลาไปโดยปริยาย
ประวัติ
พ.ศ. 2439 สถานศึกษาอันมีชื่อว่า “บ้านสมเด็จเจ้าพระยา” เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะตั้งโรงเรียน Public School แบบอังกฤษโดยโปรดให้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ มีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็นประธานที่ประชุมเห็นว่าจวนของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งพระยาสีหราชเดโชชัย หลานปู่ของสมเด็จเจ้าพระยาฯ น้อมเกล้าฯ ถวายไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 เป็นที่กว้างขวางใหญ่โตเห็นสมควรจัดตั้งเป็นโรงเรียน ให้ชื่อว่า “โรงเรียนราชวิทยาลัย” เปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2439 แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “โรงเรียนฟากขะโน้น” หรือ “โรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ตราของโรงเรียนเป็นรูปจุลมงกุฎ การแต่งกายนุ่งผ้าสีครามแก่เสื้อขาว มีนายเอ ซี เป็นอาจารย์ใหญ่ ครั้นต่อมาการศึกษาขยายตัวขึ้นเป็นลำดับทำให้สถานที่คับ โรงเรียนราชวิทยาลัยจึงย้ายไปอยู่ที่ตำบลไผ่สิงโต ปทุมวัน ข้างวังสระปทุมวัน จวนของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ก็ว่างลง ในขณะนั้นการศึกษาระหว่างหัวเมืองกับกรุงเทพมหานครเหลื่อมล้ำกันมาก เนื่องจากคุณภาพของครูแตกต่างกันกระทรวงธรรมการจึงได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูขึ้นที่จวนของสมเด็จเจ้า “โรงเรียนฝึกหัดครูฝั่งตะวันตก” สำหรับผลิตครูที่มีคุณภาพเพื่อสอนในหัวเมือง เริ่มเปิดสอนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม บำเน็จวรญาณ เป็นอาจารย์ใหญ่ การจัดการศึกษาฝึกหัดครูระยะนั้นได้ขยายตัวออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น จึงทำให้ความจำเป็นที่จะส่งนักเรียนมาเรียน ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาลดน้อยลงทางราชการเห็นว่าการฝึกหัดอาจารย์ที่มีอยู่เดิมจะให้ได้ประโยชน์อย่างสูงควรจัด โรงเรียนประจำ จึงให้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์เทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นนักเรียนกลางวันมาอยู่ที่โรงเรียนฝึกหัดครูฝั่งตะวันตกแล้ว เรียกชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ฝั่งตะวันตก” เมื่อ พ.ศ. 2449 ขุนวิเทศดรุณกิจเป็นอาจารย์ใหญ่ และต่อมาเป็น “โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา”
พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนข้าราชการพลเรือน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน) แต่ยังตั้งอยู่ที่เดิมจนถึงปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ไปอยู่ที่วังใหม่ (กรีฑาสถานแห่งชาติ (ไทย) ในปัจจุบัน) ทำให้จวนของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ว่างลง ทางราชการจึงได้ตั้งโรงเรียนมัธยมขึ้น ณ จวนสมเด็จเจ้าพระยาขึ้นใหม่ เรียกว่า “โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2458 มีพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) เป็นอาจารย์ใหญ่ รับนักเรียนประจำโดยมีโรงเรียนใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นสาขาของสถานศึกษาแห่งนี้ ได้แก่ โรงเรียนวัดอนงค์มาเป็นนักเรียนกลางวัน และจัดให้โรงเรียนมัธยมสุขุมาลัย (ตั้งอยู่ที่วัดพิชัยญาติ) โรงเรียนประถมวัดอนงค์ เป็นสาขาโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ส่วนสถานที่โรงเรียนมัธยมวัดอนงค์ไปรวมกับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาแล้วให้มอบสถานที่นั้นแก่โรงเรียนประถมวัดอนงค์ ในยุคแรก ๆ ที่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาสอนตามหลักสูตรของกรมศึกษาธิการตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ส่วน ชั้นประถม 1 – 3 ให้นักเรียนไปเรียนที่ประถมอนงค์ ชั้นมัธยม 1 – 3 ไปเรียนที่โรงเรียนสุขุมาลัย เพราะโรงเรียนทั้งสองเป็นสาขาของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และโรงเรียนทั้งสามมีความสัมพันธ์เป็นประหนึ่งโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง นักเรียนที่จบจากโรงเรียนประถมอนงค์จะมาเรียนต่อชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสุขุมาลัย และเมื่อจบจากโรงเรียนสุขุมาลัยแล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาโดยไม่ต้องสมัครเข้าเรียนใหม่ การบริหารโรงเรียนขึ้นอยู่กับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ถึงปี พ.ศ. 2459 จึงได้ขอเปิดชั้นมัธยมตอนปลายปีที่ 7 และมัธยมปีที่ 8 ในปีต่อมา
ในขณะนั้นประเภทนักเรียน แบ่งนักเรียนเป็นสองประเภท คือ นักเรียนประจำโรงเรียน กินอยู่ หลับนอนในโรงเรียน และนักเรียนกลางวัน เช้ามาเรียนเย็นกลับบ้าน โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีต สีประจำโรงเรียน คือ สีม่วง สีขาว หมวกพื้นสีม่วง ตราประจำโรงเรียนคือ รูปตราสุริยมณฑล ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) และคติพจน์ประจำโรงเรียน คือ สจฺจํ เว อมตา วาจา (วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย) อักษรย่อของโรงเรียนคือ "บ.ส."
การเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ มีจำนวนนักเรียนมากขึ้นทุกปี ถึงปลายปี พ.ศ. 2473 ทางราชการมีความจำเป็นจะต้องตัดถนนจากสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ผ่านสถานที่ของโรงเรียน สถานที่จึงถูกรื้อ ที่เหลือไม่เพียงพอจะทำเป็นโรงเรียนประจำอีกต่อไป พระวิเศษศุภวัตร์ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ในสมัยนั้นได้เจรจาผ่านกระทรวงธรรมการขอแลกเปลี่ยนสถานที่ตั้งโรงเรียนกับโรงเรียนศึกษานารี ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กและมีจำนวนเด็กน้อย
กระทรวงธรรมการเห็นชอบจึงได้ย้ายโรงเรียนศึกษานารี (บ้านคุณหญิงพัน) ไปอยู่ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาส่วนที่เหลือและใช้ชื่อโรงเรียนศึกษานารีตามเดิม ส่วนสถานที่โรงเรียนศึกษานารีเก่าได้ดัดแปลงก่อสร้างเป็นโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาต่อไป และกระทรวงคลังมหาสมบัติได้มอบที่ดินให้อีกแปลง คือ แปลงที่ 1 ทิศใต้ของโรงเรียนศึกษานารีเดิมทำเป็นสนามและอีกแห่งหนึ่ง ตำบลบางไส้ไก่เพื่อสร้างหอนอนนักเรียน และห้องเรียน
พ.ศ. 2474 โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจึงต้องย้ายมาเรียนในสถานที่ใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่นักเรียนระดับประถม และนักเรียนระดับมัธยมมาเรียนร่วมกัน ซึ่งมีทั้งนักเรียนประจำ และไม่ประจำโดยย้ายนักเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนประถมอนงค์และนักเรียนชั้นมัธยมที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสุขุมาลัย เฉพาะนักเรียนประจำของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยามาเรียนในสถานที่แห่งเดียวกัน นับแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยากับโรงเรียนประถมอนงค์และโรงเรียนสุขุมาลัยจึงเหินห่างกัน เพราะโรงเรียนทั้งสอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอีกต่อไป
การดำเนินการเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับมีชื่อเสียงดีเด่นเป็นที่ปรากฏทั่วไปทั้งทางด้านการเรียน การกีฬา และนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาไปจากสถาบันนี้ออกไปประกอบอาชีพมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งในตำแหน่งทางราชการและอาชีพส่วนตัว ศิษย์เก่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กระจายออกไปอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทั่วประเทศ บางท่านมีความเจริญก้าวหน้าถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาถือว่าเป็นโรงเรียนชั้นนำโรงเรียนหนึ่งของกรุงเทพฯ ในยุคนั้นนับว่าเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบุคคลที่สำคัญแห่งหนึ่ง
พ.ศ. 2479 กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงแผนการศึกษาใหม่ให้เปลี่ยนชั้นประโยคชั้นมัธยมตอนปลาย (ม.7 – ม.8) เป็นชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 1 – 2 โดยรับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าเรียนต่ออีก 2 ปี จึงได้ยุบมัธยมสามัญตอนปลายในโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คงให้เปิดสอนเพียงมัธยมปีที่ 6
พ.ศ. 2484 กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายผลิตครูมากขึ้นจึงให้เปิดสอน แผนกฝึกหัดครูอีกแผนกหนึ่ง มีชื่อ “โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา” คู่กับโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แผนกฝึกหัดครูแห่งนี้เปิดรับนักเรียนทุนของจังหวัด ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และได้เปิดสอนหลักสูตรประโยคครูประถม (ป.ป.) เป็นโรงเรียน พ.ศ. 2499 ได้ยุบหลักสูตรดังกล่าวและเปิดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง
พ.ศ. 2501 โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้ยกฐานะเป็น วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและโรงเรียนมัธยมศึกษาบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และเปลี่ยนเป็น โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. 2530 คณะผู้บริหารของวิทยาลัยในขณะนั้นได้พิจารณาแยกการบริหารงานโรงเรียนสาธิตออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายประถมศึกษาเป็นโรงเรียนประถมสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 – ป.6 โดยอาศัยตึกครุศาสตร์ชั้น 2 อาคาร 9 เป็นที่เรียน ส่วนฝ่ายมัธยมเป็นโรงเรียนมัธยมสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้น ม.1 – ม.6 โดยใช้อาคารเรียนหลังเดิมและอาคารวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นที่เรียน
พ.ศ. 2535 ได้มีประกาศใช้ “พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ” วิทยาลัยครูทั่วประเทศจึงเปลี่ยนสภาพมาเป็นสถาบันราชภัฏดังนั้นโรงเรียนมัธยมสาธิตจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา”
พ.ศ. 2544 คณะผู้บริหารสถาบันราชภัฏได้ดำเนินการขออนุมัติสร้างอาคารประถมสาธิตฯ เป็นอาคาร 6 ชั้น ด้วยงบประมาณก่อสร้าง 28 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จและย้ายมาอยู่อาคารใหม่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2545
11 มีนาคม พ.ศ. 2547 โดยรองศาสตราจารย์ ดร.สุพล วุฒิเสน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาใช้อาคารวิเศษศุภวัตรเป็นอาคารเรียนสำหรับจัดการศึกษาให้เด็กอายุ 3-5 ปี แบ่งเป็น 3 ระดับชั้นคือชั้น อนุบาลศึกษาปีที่ 1-3 และเริ่มเปิดรับนักเรียนชั้นอนุบาลศึกษา ปีที่ 1 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2547 เป็นรุ่นแรก
14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 สถาบันราชภัฏทุกแห่งได้รับการยกวิทยฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ดั้งนั้น ได้ลงประกาศในราชกิจนุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 121 ตอน 23 ก ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ดังนั้น โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา”
พ.ศ. 2550 ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการบริหารส่วนงานภายในของสถาบันอุดมศึกษา โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้จัดตั้งการจัดตั้งโรงเรียนสาธิตขึ้นมา ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนประถมสาธิต และ โรงเรียนมัธยมสาธิต โดยแต่ละโรงเรียนจะมีผู้อำนวยการเป็นผู้บริหาร และขึ้นตรงต่อโรงเรียนสาธิตโดยมี นายทวีศักดิ์ จงประดับเกียรติ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต
พ.ศ. 2552 โรงเรียนสาธิตมีกาจัดตั้งเป็น "สำนักโรงเรียนสาธิต" เดิมการบริหารงานของโรงเรียนสาธิตเป็นหน่วยงานย่อยสังกัดคณะครุศาสตร์ จากการบริหารงานพบว่าไม่มีความคล่องตัวในการบริหารงานจึงแยกโรงเรียนสาธิตออกจากคณะครุศาสตร์และจัดตั้งเป็นส่วนงานภายในเรียกว่า "สำนักโรงเรียนสาธิต" ประกอบด้วยศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย โรงเรียนประถมสาธิต และโรงเรียนมัธยมสาธิต โดยให้มีการบริหารและจัดการภายในหน่วยงานเองโดยใช้งบรายได้ของโรงเรียน
16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้มีประกาศสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ให้จัดตั้งโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาขึ้นเป็นส่วนงานภายในที่มีฐานะเทียบเท่าคณะแทนสำนักโรงเรียนสาธิต เพื่อให้เกิดเอกภาพในการบริหารจัดการ โดยโรงเรียนสาธิตประกอบด้วยศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัน โรงเรียนประถมสาธิต และมัธยมสาธิตโดยมี นายทวีศักดิ์ จงประดับเกียรติ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
ทำเนียบผู้บริหาร
อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก
อาคาร
โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จ ประกอบด้วยอาคารเรียนหลัก 3 หลัง ได้แก่
- อาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) อาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นอาคารเรียนหลังหลักมีทั้งหมด 12 ชั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง ห้องประชุม ห้องเกียรติยศ ห้องนันทนาการ ห้องกีฬา ต่าง ๆ ยิมเนเซียม ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เป็นต้น เดิมอาคาร 18 เป็นอาคารเรียนหลังแรก เป็นอาคารไม้สูง 2 ชั้น แต่ภายหลังปีพ.ศ. 2558 ได้มีการรื้อถอนเพื่อสร้างเป็นอาคารเรียนหลักหลังใหม่ที่ทันสมัยและใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต โดยอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) เปิดใช้งานครั้งแรก ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560
- อาคารสุริยาคาร (อาคาร 19)
- อาคารวิทยาศาสตร์ (อาคาร 20)
- บ้านเอกะนาค
สิ่งอำนวยความสะดวกและการเรียนรู้
- ห้องประชุมใหญ่
- โรงยิมเนเซียม
- ห้องนาฏศิลป์
- ห้องนาฏศิลป์ ตั้งอยู่ที่ ปีกขวา ชั้น 11 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องเรียนรวมสำหรับรายวิชานาฏศิลป์ มีการติดตั้งกระจกเงาไว้ภายในตัวห้อง อาจารย์ผู้ดูแล: อาจารย์ธัญพิสิษฐ์ พันธ์ทองดี
- ห้องดนตรี
- ห้องดนตรี ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 11 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องดนตรีประกอบด้วยห้องดนตรีสากลและห้องดนตรีไทย ห้องดนตรีสากล เป็นห้องเรียนรวมรายวิชาดนตรีสากล มีเครื่องดนตรีเพรียบพร้อมและหลังเวลาเลิกเรียนนักเรียนสามารถมาจองห้องดนตรีเพื่อฝึกซ้อมได้อีกด้วย ภายในห้องดนตรียังมีห้องซ้อมเดี่ยวอีก 2 ห้อง และห้องเก็บของ ในส่วนของห้องดนตรีไทยมีเครื่องดนตรีไทยเพรียบพร้อมให้นักเรียนได้ใช้ในการเรียนรู้ได้อย่างคล่องตัว
- ห้องอเนกประสงค์
- ห้องอเนกประสงค์ ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 10 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องอเนกประสงค์ เป็นห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศสามารถใช้ได้ในหลายโอกาส เช่น การเรียนและการแสดงลีลาศ การเรียนในภาคทฤษฏีของรายวิชาพลศึกษา การนับผลและประกาศผลการเลือกตั้งประธานนักเรียน การสัมมนาในกลุ่มเล็ก ๆ เช่น ในระดับชั้น หรือ การเรียนรวม เป็นต้น
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 9 ห้องริมสุด ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายภาษาต่างประเทศทั้งหมด และสำหรับให้นักเรียนมาติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายภาษาต่างประเทศ
- ห้องปฏิบัติการ iPad
- ห้องปฏิบัติการ iPad ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ติดกับห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้น 9 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องปฏิบัติการ iPad เป็นห้องเรียนให้นักเรียนใช้ iPad ในการเรียนรู้
- ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
- ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 8 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เป็นห้องปฏิบัติการสำหรับการเรียนรู้รายวิชาคอมพิวเตอร์ มีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยระบบปฏิบัติการ Windows และเพียงพอต่อความต้องการของนักเรียนทุกคน นักเรียนสามารถจองการใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการทำงานได้ อีกทั้งยังมีบริการพิมพ์เอกสารด้วยตนเองอีกด้วย
- ห้องชมรมหุ่นยนตร์
- ห้องชมรมหุ่นยนตร์ ตั้งอยู่ที่ปีกขวา ติดกับห้องปฏิบัติการภาษา และห้องน้ำชาย ชั้น 8 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องของชมรมหุ่นยนต์ที่นักเรียนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้งานได้ทั้งเพื่อการเรียนรู้ หรือเพื่อใช้งานอุปกรณ์ในห้องเช่น สว่าน หรือเครื่องพิมพ์สามมิติ เป็นต้น
- ห้องปฏิบัติการภาษา
- ห้องปฏิบัติการภาษา ตั้งอยู่ที่ ปีกขวา ชั้น 8 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของการฟัง โดยนอกจากการใช้เป็นห้องเรียนรวมแล้วห้องปฏิบัติการภาษายังนำไปใช้เพื่อการทดสอบระดับภาษาอังกฤษ (CEFR) ประจำปีของนักเรียนอีกด้วย
- ห้องสมุด
- ห้องสมุด ตั้งอยู่ที่ ปีกขวา ชั้น 7 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องสมุดมีหนังสือให้นักเรียนศึกษาเรียนรู้มากมาย และยังมีกระดานโปรเจกเตอร์ ลำโพง โต็ะ และเก้าอี้อ่านหนังสือ สำหรับงานสัมมนา หรืองานประชุมวิชาการ อาจารย์ผู้ดูแล: อาจารย์ยุพาวดี นุตะมาน
- ห้องแนะแนว
- ห้องแนะแนว ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 7 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) อยู่ติดกับห้องเกียรติยศ ห้องแนะแนวเป็นห้องสำหรับรายวิชาแนะแนว สำหรับการแนะแนวการเรียนต่อ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการศึกษาต่าง ๆ อาจารย์ผู้ดูแล: อาจารย์ยุพาวดี นุตะมาน
- ห้องเกียรติยศ
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 6 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมทั้งหมด และสำหรับให้นักเรียนมาติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ห้องริมสุด ชั้น 5 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายสุขศึกษาและพลศึกษาทั้งหมด และสำหรับให้นักเรียนมาติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายสุขศึกษาและพลศึกษา
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ห้องริมสุด ชั้น 4 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายภาษาไทยทั้งหมด และสำหรับให้นักเรียนมาติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายภาษาไทย
- ห้องการเรียนรู้ Gifted Program
- ห้องการเรียนรู้ Gifted Program ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ห้องแรกสุด ชั้น 3 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องสำหรับนักเรียน Gifted Program ในการเรียนรู้และติดต่อกับอาจารย์ในฝ่าย Gifted Program
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ ปีกซ้าย ชั้น 3 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) เป็นห้องทำงานของอาจารย์ฝ่ายคณิตศาสตร์ทั้งหมด และสำหรับให้นักเรียนมาติดต่อกับอาจารย์ฝ่ายคณิตศาสตร์
- ห้องชมรมบอร์ดเกมส์
- ห้องเรียน
- ห้องเรียน ตั้งอยู่ที่ ชั้น 3, 4, 5, 6, 9, 10 ของอาคารพระยาประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง) (อาคาร 18) ห้องเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและทันสมัย ได้แก่
- โปรเจคเตอร์ พานาโซนิค รุ่น PT-TX312 พร้อมฉากรับภาพ
- ลำโพงสเตอริโอแบบคู่สำหรับเชื่อมต่อสื่อหรือไมโครโฟน
- แอมพลิไฟเออร์สำหรับจัดการเสียงออกและขยายเสียง
- เต้ารับรวมจุดอยู่ที่ด้านหน้าห้องเพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อ ได้แก่ HDMI, LAN, RJ11, VGA, 3.5 mm Audio Connector, 6.5 mm Audio Connector
- ปลั๊กไฟฟ้าโดยรอบห้องสำหรับนักเรียนและอาจารย์
- เครื่องปรับอากาศแบบคู่
- พัดลมระบายอากาศ
- บอร์ดคู่สำหรับติดประกาศ
- ล็อกเกอร์สำหรับนักเรียน
- ห้องวิชาการ ห้องธุรการ และห้องผู้บริหาร
- ห้องประชาสัมพันธ์
- ห้องพยาบาล
- ลิฟท์
- ห้องประชุม (ชั้น 1)
- ลานอเนกประสงค์ (ชั้น 1)
- สนามบาสเกตบอล
- สนามเปตอง
- ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
- ห้องปฏิบัติการเคมี
- ห้องปฏิบัติการชีววิทยา
- ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์
- ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา
- ห้องคหกรรม
- ห้องพระ
หลักสูตร
- มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 - ม.3)
- สายการเรียนปกติ
- สายการเรียนปกติ ประกอบด้วย 3 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 120 คน ต่อระดับชั้น
- Gifted Program
- Gifted Program ประกอบด้วย 1 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 40 คน ต่อระดับชั้น
- มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.4 - ม.6)
- สายการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์
- สายการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 80 คน ต่อระดับชั้น
- สายการเรียนภาษาอังกฤษ - คณิตศาสตร์
- สายการเรียนภาษาอังกฤษ - คณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 1 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 40 คน ต่อระดับชั้น
- สายการเรียนภาษาอังกฤษ - ภาษาจีน
- สายการเรียนภาษาอังกฤษ - ภาษาจีน ประกอบด้วย 1 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 40 คน ต่อระดับชั้น
- สายการเรียนพลศึกษา
- สายการเรียนพลศึกษา ประกอบด้วย 1 ห้องเรียน ต่อ 1 ระดับชั้น นักเรียนโดยประมาณ 40 คน ต่อระดับชั้น
อ้างอิง
- ↑ จำลอง ศรีเมือง - ฐานข้อมูลการเมืองการปกครองสถาบันพระปกเกล้า (kpi.ac.th)
- ↑ "Surakan Dahlan". www.facebook.com.
- ↑ 3.0 3.1 ประวัติโรงเรียน – โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (bsru.ac.th)
- ↑ ปรีดี พนมยงค์ ทนายความคณะผดุงธรรม และการอภิวัฒน์ 2475 | สถาบันปรีดี พนมยงค์ PRIDI BANOMYONG INSTITUTE : Pridi.or.th
- ↑ พระยาวิเศษศุภวัตร์ (เทศสุนทร กาญจนะศัพท์) (พ.ศ.๒๔๗๓–๒๔๘๐) – ห้องเกียรติประวัติ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา (bsru.ac.th)
- ↑ พระประธานประจำโรงเรียน – โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (bsru.ac.th)
- ↑ ประวัติโรงเรียน (bansomdej.ac.th)
- ↑ "Facebook". www.facebook.com.