เอจีเอ็ม-84 ฮาร์พูน

Harpoon
ขีปนาวุธฮาร์พูน ตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์
ชนิดขีปนาวุธต่อต้านเรือ
แหล่งกำเนิดสหรัฐอเมริกา
บทบาท
ประจำการพ.ศ. 2520–ปัจจุบัน
ผู้ใช้งานสหรัฐอเมริกา
ประวัติการผลิต
บริษัทผู้ผลิตโบอิง ดีเฟนซ์, สเปชแอนด์ซีเคียวริตี้
มูลค่าต่อหน่วยUS$1,200,000 สำหรับบล็อก II[1]
ข้อมูลจำเพาะ
มวล1,523 lb (691 kg)
ความยาวอากาศยาน: 12.6 ft (3.8 m);พื้นดินหรือเรือดำน้ำ 15 ft (4.6 m)
เส้นผ่าศูนย์กลาง1.1 ft (0.34 m)
ความยาวระหว่างปลายปีก3 ft (0.91 m)
หัวรบ488 ปอนด์ (221 กิโลกรัม)

เครื่องยนต์เทเลไดน์ เทอร์โบเจ็ต/ส่วนขับดัน แรงขับมากกว่า 600 ปอนด์ (มากกว่า 272.2 กิโลกรัม)
พิสัยปฏิบัติการ
124 กิโลเมตร
ความสูงปฏิบัติการเรี่ยผิวน้ำ
ความเร็วสูงสุด864 กม./ชม. (537 ไมล์/ชั่วโมง)
ระบบนำวิถี
ผิวน้ำควบคุมโดยเรดาร์ / แอคทีฟเรดาร์โฮมมิง
ฐานยิง
หลายรูปแบบ
  • RGM-84A เรือผิวน้ำ
  • AGM-84A อากาศยาน
  • UGM-84A เรือดำน้ำ

เอจีเอ็ม-84 ฮาร์พูน เป็นระบบขีปนาวุธนำวิถีพื้นสู่พื้น และอากาศสู่พื้น โจมตีเรือรบผิวน้ำในระยะขอบฟ้าทุกสภาพอากาศ พัฒนาและผลิตโดยบริษัทแมคดอนเนลล์ดักลาส (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโบอิง) มีจำนวนผลิตกว่า 7,000 ลูก นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2520 ฮาร์พูนได้รับการพัฒนาและดัดแปลงจำนวนหลายบล็อก เช่น บล็อก I, II, ID และ IG ปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นบล็อก III นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบขีปนาวุธฮาร์พูนเป็นรุ่นโจมตีภาคพื้นดินเรียกอีกชื่อว่า สแลม (Standoff Land Attack Missile)

ฮาร์พูนใช้เรดาร์แอคทีฟโฮมมิ่งนำทางเข้าหาเป้าหมาย โดยจะบินเรี่ยผิวน้ำในระดับต่ำเพื่อหลบหลีกการถูกตรวจจับจากเรดาร์ข้าศึก สามารถยิงได้ทั้งจากเรือผิวน้ำ เรือดำน้ำ อากาศยาน และจากฐานยิงบนบก แบ่งออกดังนี้

  • อากาศยานปีกตรึง (เอจีเอ็ม-84 รุ่นปราศจากจรวดขับดันเชื้อเพลิงแข็ง)
  • เรือรบผิวน้ำ (อาร์จีเอ็ม-84 รุ่นติดตั้งจรวดขับดันเชื้อเพลิงแข็ง )
  • เรือดำน้ำ (ยูจีเอ็ม-84 รุ่นตั้งภายในจรวดเชื้อเพลิงขับดันภายในแคปซูล ใช้ยิงจากท่อยิงตอร์ปิโด)
  • ฐานยิงบนบก

ฮาร์พูนเทียบเคียงได้กับขีปนาวุธรุ่นใกล้เคียงอื่นๆ เช่น เอ็กโซเซ่ต์ ของฝรั่งเศส, อาร์บีเอส-15 ของสวีเดน, เอสเอส-เอ็น-25 ของรัสเซีย, ซี อีเกิล ของอังกฤษ, และ ซี 802 ของจีน

การพัฒนา

ฮาร์พูนรุ่นแรก

ขีปนาวุธฮาร์พูนได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2520 ภายหลังเหตุการณ์เรือพิฆาตของอิสราเอลโดนโจมตีจากขีปนาวุธโจมตีเรือ พี-15 เทอร์มิต ซึ่งผลิตในโซเวียต ทำให้มีการพัฒนาขีปนาวุธสำหรับยิงจากอากาศยานลาดตระเวน พี-3 โอไรออน อีกทั้งได้รับการดัดแปลงให้ใช้ทิ้งจากเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 สตราโตฟอร์เทรส ซึ่งสามารถบรรทุกได้แปดถึงสิบสองลูก ฮาร์พูนได้รับความนิยมจากชาติพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติสมาชิกนาโต อาทิเช่น แคนาดา สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และชาติพันธมิตรนอกนาโต เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย และในส่วนอื่นๆของโลก

ฮาร์พูนได้รับการดัดแปลงให้ใช้ยิงจากเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งได้กับอากาศยานของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เช่น พี-3 โอไรออน, เอ-6 อินทรูเดอร์, เอส-3 ไวกิ้ง, เอวี-8 แฮริเออร์, และเอฟ/เอ-18 ฮอร์เน็ท

ฺฮาร์พูนขณะถูกยิงจากเรือรบหลวงเรจินาของกองทัพเรือแคนาดา

ฮาร์พูน บล็อก ID

ฮาร์พูนรุ่นดังกล่าวได้รับการดัดแปลงเพิ่มขนาดถังเชื้อเพลิง แต่มีจำนวนการผลิตที่จำกัดในสมัยสงครามเย็น (ใช้ในสงครามกับประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอของยุโรปตะวันออก) หรือเรียกอีกชื่อว่า เอจีเอ็ม-84 เอฟ[2][3]


แสลม เอทีเอ (บล็อก IG)

อยู่ในระหว่างการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการบินวนโจมตีเป้าหมาย มีความสามารถใกล้เคียงกับขีปนาวุธร่นโทมาฮอร์ก โดยขีปนาวุธจะทำการคำนวณเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้ากับเป้าหมายที่ได้ระบุไว้ โดยการเปรียบเทียบภาพเป้าหมายจริงกับภาพเป้าหมายที่บันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์[4]

ฮาร์พูน บล็อก II ทดสอบยิงจาก ยูเอสเอสธอร์น

ฮาร์พูน บล็อก II

พัฒนาโดยโบอิง โดยเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านต่อต้านทางอิเล็กโทรนิก (ECM) และระบบชี้เป้าด้วยระบบดาวเทียม (GPS)


ฮาร์พูน บล็อก III

แผนการพัฒนาโดยกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา โดยการปรับปรุงระบบควบคุมการยิง สำหรับติดตั้งบนเรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถี และใช้ติดตั้งบนเครื่องบินโจมตี/ขับไล่แบบ เอฟ/เอ-18อี/เอฟ ซูเปอร์ฮอร์เน็ท แต่ภายหลังการพัฒนาที่ล่าช้า นโยบายการควบคุมจำนวนเรือ การทดสอบที่ถูกเลื่อนออกไป ทำให้แผนการพัฒนาถูกยกเลิกในเดือน เมษายน พ.ศ. 2552


ประเทศผู้ใช้งาน

แผนที่แสดงประเทศผู้ใช้งานในปัจจุบัน (สีน้ำเงิน) และอดีตประเทศใช้งาน (สีแดง)
ธงของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลีย
ธงของประเทศเบลเยียม เบลเยียม
ธงของประเทศบราซิล บราซิล
ธงของประเทศแคนาดา แคนาดา
 ชิลี
เดนมาร์ก
ธงของประเทศอียิปต์ อียิปต์
ธงของประเทศเยอรมนี เยอรมนี
ธงของประเทศกรีซ กรีซ
ธงของประเทศอินเดีย อินเดีย
ธงของประเทศอินโดนีเซีย อินโดนีเซีย
ธงของประเทศอิหร่าน อิหร่าน
อิสราเอล
ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
ธงของประเทศมาเลเซีย มาเลเซีย
ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก
ธงของประเทศโมร็อกโก โมร็อกโก
ธงของประเทศเนเธอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์
ธงของประเทศปากีสถาน ปากีสถาน
ธงของประเทศโปแลนด์ โปแลนด์
ธงของประเทศโปรตุเกส โปรตุเกส
ธงของประเทศกาตาร์ กาตาร์
 เกาหลีใต้
 ซาอุดีอาระเบีย
 สิงคโปร์
ธงของประเทศสเปน สเปน
 สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)
 ไทย
ธงของประเทศตุรกี ตุรกี
ธงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
 สหราชอาณาจักร
ธงของประเทศยูเครน ยูเครน
 สหรัฐอเมริกา

อ้างอิง

  1. "United States Navy Fact File: Harpoon Missile". United States Navy.
  2. "Harpoon Block 1D" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-05.
  3. "Harpoon" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-05.
  4. Global Security Harpoon article
  5. "Video: Belgian frigate Louise-Marie in slow-mo missile firing action". Naval Today (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-06-05. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  6. "India - UGM-84L Harpoon Missiles | Defense Security Cooperation Agency". www.dsca.mil. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  7. "Harpoon : Rudal Canggih Yang "Loyo" Akibat Embargo Militer". Indomiliter.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2011-05-08. สืบค้นเมื่อ 2020-04-20.
  8. "POLA Sigma 10514 ARM Reformador Frigate Launched for Mexican Navy". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-03. สืบค้นเมื่อ 2018-12-03.
  9. "UNROCA (United Nations Register of Conventional Arms)". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-06. สืบค้นเมื่อ 2019-04-06.
  10. Jennings, Gareth (30 April 2019). "Qatar to arm F-15QAs with Harpoon Block 2 anti-shipping missile". Jane's 360. London. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 April 2019. สืบค้นเมื่อ 30 April 2019.
  11. "RoKAF F-16C block 52 #01-515 from the 20th FW is flying alongside a P-3 'Orion' coastal patrol aircraft, both armed with AGM-84 Harpoon missiles. [RoKAF photo]". F-16.net. สืบค้นเมื่อ 21 February 2022.
  12. Newdick, Thomas (8 October 2021). "Watch Saudi F-15 Strike Eagles Unleash Harpoon Missiles Against Ship Targets". The Drive. สืบค้นเมื่อ 21 February 2022.
  13. "Royal Saudi Navy Badr corvette launches Harpoon anti-ship missile". Navy Recognition (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  14. "Formidable Class Frigate". Naval Technology (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-04-11.
  15. Hunter, Jamie (6 August 2020). "Taiwanese F-16s Begin Flying Patrols With Live Harpoon Anti-Ship Missiles To Deter China". The Drive. สืบค้นเมื่อ 20 February 2022.
  16. "New 155-mm-calibre self-propelled artillery and Harpoon missiles arrive in Ukraine". Ukrayinska Pravda. 28 May 2022. สืบค้นเมื่อ 29 May 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!