เศาะฮีฮ์ อัลบุคอรี (อาหรับ : صحيح البخاري ) มักรู้จักกันในชื่อ บุคอรี ชะรีฟ (อาหรับ : بخاري شريف ) เป็นหนึ่งใน กูตูบ อัสซิตตะฮ์ (หกชุดสะสมฮะดีษ ที่สำคัญ) ของมุสลิมนิกายซุนนี ที่เก็บข้อมูลโดยมุฮัมมัด อัล-บุคอรี โดยรวบรวมเป็นเล่มในปีค.ศ.846 / ฮ.ศ.232 และเป็นหนึ่งในสองเล่มที่น่าเชื่อถือที่สุดในมุมมองของชาวซุนนี โดยอีกเล่มหนึ่งมีชื่อว่า เศาะฮีฮ์ มุสลิม .[ 1] [ 2]
ชื่อจริง
รายงานจากอิบน์ อัศเศาะลาฮ์ หนังสือนี้มีชื่อว่า: อัลญามิอ์ อัลมุสนัด อัสเศาะฮีฮ์ อัลมุคตาซัร มิน อุมูรี รอซูลิ-อิลาฮี วา ซุนานีฮี วา อัยยามีฮี (الجامع المسند الصحيح المختصر من عموري رسولله و سننه و أيامه; บทสรุปจากชุดสะสมของฮะดีษแท้ที่เชื่อมต่อกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสดา, การกระทำ และช่วงเวลาของเขา )[ 3] อิบน์ ฮาญัร อัล-อัสกอลานี กล่าวในแบบเดียวกัน แต่เปลี่ยนคำว่า อุมูร (เรื่อง ) เป็น ฮะดีษ .[ 4]
ภาพรวม
ในช่วงสมัยรัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ อัล-บุคอรี เริ่มเก็บฮะดีษตอนอายุ 16 ปี และใช้เวลารวมไป 16 ปี ในการเก็บฮะดีษที่เขาคิดว่าดูน่าเชื่อถือ ซึงรวมแล้วมีอยู่กว่า 600,000 รายงาน[ 5] แล้วแบ่งเป็น อิสนัด ไป 7,397 รายงาน และแบ่งฮะดีษที่ไม่มีรุ่นที่แตกต่าง กับรายงานที่คล้ายกัน จึงทำให้ฮะดีษที่มาจากศาสดามุฮัมมัดทั้งหมดลดลงเหลือประมาณ 2,602 รายงาน.[ 5]
ในตอนที่บุคอรีกำลังดูฮะดีษรุ่นเก่านั้น เขาได้แบ่งประเภทฮะดีษเป็น เศาะฮีฮ์ (ถูกต้อง, แท้) และ ฮะซัน (ดี) แต่ฮะดีษที่เขาพบส่วนใหญ่อยู่ในระดับ เฎาะอีฟ (อ่อน)[ 6]
ในหนังสือนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแนวทางของอิสลาม เช่น การทำพิธีละหมาดและสิ่งอื่นๆ ตามศาสดามุฮัมมัด บุคอรีทำหนังสือเล่มนี้เสร็จในปีค.ศ.846/ ฮ.ศ.232 แล้วใช้เวลา 24 ปีสุดท้ายของชีวิตในการเดินทางไปเมืองอื่น แล้วสอนฮะดีษให้กับผู้คน. นักวิชาการส่วนใหญ่ยอมรับหนังสือนี้ ได้แก่อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล (ค.ศ.855/ฮ.ศ.241), ยะฮ์ยา อิบน์ มะอิน (ค.ศ.847/ฮ.ศ.233) และอะลี อิบน์ อัล-มะดีนี (ค.ศ.848/ฮ.ศ.234)[ 7]
เอกสารตัวเขียนสีวิจิตร
จอร์จ ฟิลลิปส์ กล่าวตอนที่อยู่ในเคมบริดจ์ไว้ว่า เอกสารที่เก่าที่สุดถูกเขียนไว้ในปีค.ศ.984/ฮ.ศ.370[ 8]
จำนวนฮะดีษ
อิบน์ อัส-ซอลาฮ์กล่าวว่า: "ในหนังสือเล่มนี้ มีฮะดีษที่ เศาะฮีฮ์ อยู่ 7,275 บท"[ 3] [ 9] และส่วนใหญ่มาจากผู้ติดตาม ของศาสดามุฮัมมัด[ 10]
การแปล
เศาะฮีฮ์ อัล-บุคอรีในภาษาอังกฤษ, มีทั้ง 9 เล่ม
เศาะฮีฮ์ อัลบุคอรี ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยMuhammad Muhsin Khan ภายใต้ชื่อ "The Translation of the Meanings of Sahih Al Bukhari Arabic English" ทั้งหมด 9 เล่ม[ 11] และตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Al Saadawi และ Dar-us-Salam [ 12]
หนังสือนี้ถูกแปลไว้หลายภาษา ตัวอย่างเช่นภาษาอูรดู , เบงกอล , บอสเนีย , ทมิฬ , มลยาฬัม ,[ 13] แอลเบเนีย , มลายู เป็นต้น
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
↑ Mabadi Tadabbur-i-Hadith , Amin Ahsan Islahi
↑ Harold G. Koenig, Saad Al Shohaib Health and Well-Being in Islamic Societies: Background, Research, and Applications Springer 2014 ISBN 978-3-319-05873-3 page 30
↑ 3.0 3.1 Muqaddimah Ibn al-Salah , pg. 160-9 Dar al-Ma’aarif edition
↑ Hadyi al-Sari , pg. 10.
↑ 5.0 5.1 A.C. Brown, Jonathan (2009). Hadith: Muhammad's Legacy in the Medieval and Modern World (Foundations of Islam series) . Oneworld Publications . p. 32. ISBN 978-1851686636 .
↑ Abridged from Hady al-Sari , the introduction to Fath al-Bari , by Ibn Hajr, pg. 8–9 Dar al-Salaam edition.
↑ "Al Imam Bukhari" . Ummah.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2010-02-19. สืบค้นเมื่อ 2010-02-03 .
↑ See Tareekh at-Turaath by Fu’aad Sizkeen (1/228).
↑ Hady al-Sari , pg. 654.
↑ Nuzhah al-Nathr , pg. 154.
↑ "The Translation of the Meanings of Sahih Al-Bukhari - Arabic-English (9 Volumes)" .
↑ "Translation of Sahih Bukhari" . Usc.edu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-10-01. สืบค้นเมื่อ 2010-09-26 .
↑ "Sahih Bukhari - Multiple languages" . Australian Islamic Library . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2014-10-30. สืบค้นเมื่อ 2019-03-30 .
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikisource