เรือหลวงนราธิวาส (OPV-512) (อังกฤษ: HTMS Narathiwat) เป็นเรือลำที่สองในเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี สังกัดกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ [2]กองทัพเรือไทย
ประวัติ
กองทัพเรือไทยได้เสนอโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งจำนวน 2 ลำต่อกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยจัดหาเรือจากประเทศจีนด้วยการว่าจ้าง บริษัทไซน่าชิป บิวดิ้ง เทรดดิ้ง จำกัด ในลักษณะระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลจีน งบประมาณผูกพันข้ามปีระหว่างปี พ.ศ. 2545 - 2549 วงเงิน 3,200 ล้านบาท[3] เพื่อตอบสนองภารกิจในการปกป้องอธิปไตย และป้องกันการกระทำผิดทางทะเล ซึ่งก่อนหน้านี้ประสบปัญหาขาดเรือสำหรับปฏิบัติการไกลจากชายฝั่งซึ่งต้องเป็นเรือขนาดใหญ่และทนทะเลสูง ขณะที่เรือที่มีศักยภาพดังกล่าวคือเรือฟริเกตก็เป็นเรือที่ออกแบบมาสำหรับการรบเป็นหลัก ทำให้มีการใช้กำลังพลและอัตราอาวุธขนาดหนัก ส่งผลให้สิ้นเปลืองการส่งกำลังบำรุงในการปฏิบัติการ กองทัพเรือจึงได้จัดหารเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเข้ามาปฏิบัติการจำนวน 2 ลำ และมีขนาดใกล้เคียงกับเรือฟริเกต โดยเรือที่จัดหามานี้ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เรือหลวงปัตตานี (OPV-511) และเรือหลวงนราธิวาส (OPV-512)[4]
เรือหลวงนราธิวาส ต่อขึ้นในลักษณะต่อตัวเรือทั้งหมดที่ประเทศจีน พร้อมทั้งติดตั้งระบบอิเล็คทรอนิกส์ต่าง ๆ บนเรือเป็นระบบของประเทศตะวันตก จากนั้นได้นำเรือเปล่าแล่นกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อติดระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ[3]
เรือหลวงนราธิวาส ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2549[3] และมีพิธีต้อนรับเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ณ ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก วิชัย ยุวนางกูร รองผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในพิธีต้อนรับเรือ[4]
ในปี พ.ศ. 2567 กองทัพเรือได้มีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพเรือหลวงนราธิวาส วงเงินงบประมาณ 2,750 ล้านบาท ประกอบไปด้วย เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ แบบ ซ้าบ Sea Giraffe 1X ระบบอำนวยการรบแบบ Catiz ระบบควบคุมการยิงแบบ STIR 1.2 EO Mk.2 และระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Vigile 100S Mk.2[5]
การออกแบบ
เรือหลวงนราธิวาส มีหมายเลขตัวเรือคือ 512 ต่อโดย หูตง-จงหัว ชิปบิลดิง เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีคุณลักษณะตัวเรือ ความยาวตลอดลำเรือ 94.50 เมตร ความกว้างเรือ 11.80 เมตร เรือกินน้ำลึก 3.30 เมตร ทำความเร็วสูงสุด 25 นอต มีระวางขับน้ำสูงสุด 1,635 ตัน เรือมีระยะปฏิบัติการไกลสุด 3,500 ไมล์ มีความคงทนทะเล ได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 5 สามารถปฏิบัติการต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 20 วัน มีกำลังพลประจำเรือ 84 นาย เรือมีดาดฟ้าบินรับเฮลิคอปเตอร์น้ำหนักได้ 7 ตัน พร้อมด้วยอากาศยานประจำเรือ แบบ Super Lynx 300
ระบบตรวจการและปฏิบัติการ
- เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ แบบ ซ้าบ Sea Giraffe 1X[5]
- เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำแบบ Selex RAN-30 X/I หรือ Leonardo[6]
- เรดาร์ทางยุทธวิธีแบบ LPI
- เรดาร์และออปโทรนิกส์สำหรับควบคุมการยิงแบบ เออร์ลิคอน TMX/EO[6]
- เรดาร์เดินเรือแบบ X Band
- เรดาร์เดินเรือแบบ S Band
- ระบบกล้องตรวจการณ์ 1 ระบบ
- ระบบสื่อสารแบบระบบรวมการสื่อสาร 1 ระบบ ของบริษัท Rohde & Schwarz
- ระบบอำนวยการรบแบบ Catiz[5]
- ระบบควบคุมการยิงแบบ STIR 1.2 EO Mk.2[5]
- ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ Vigile 100S Mk.2[5]
ระบบอาวุธเรือประกอบไปด้วย
- ปืนหลักแบบ OTO Melara 76/62 มม. Super Rapid Fire จำนวน 1 กระบอก[7]
- ปืนกลขนาด 20 มิลลิเมตรแบบ Oerlikon GAM-C01 จำนวน 2 กระบอก
- ปืนกลขนาด .50 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก
ระบบขับเคลื่อนและเครื่องจักรช่วย คือ
- เครื่องจักรใหญ่แบบ รัสตัน 16 อาร์เค 270 ดีเซล จำนวน 2 เครื่อง[6]
- ใบจักร แบบ CPP 2 พวง
- เครื่องไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง
อ้างอิง