เดอะ เมทริกซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199 กำกับ พี่น้องวาชอวสกี เขียนบท พี่น้องวาชอวสกี อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ นักแสดงนำ
กำกับภาพ บิลล์ โพป ตัดต่อ แซ็ก สเตนเบิร์ก ดนตรีประกอบ ดอน เดวิส บริษัทผู้สร้าง ผู้จัดจำหน่าย
วันฉาย
31 มีนาคม ค.ศ. 1999 (1999-03-31 ) (สหรัฐ)
8 เมษายน ค.ศ. 1999 (1999-04-08 ) (ออสเตรเลีย)
ความยาว 136 นาที[ 1] ประเทศ ภาษา อังกฤษ ทุนสร้าง 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[ 5] ทำเงิน 465.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[ 5]
เดอะ เมทริกซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199 (อังกฤษ : The Matrix ) เป็นภาพยนตร์แนวโลดโผน และนิยายวิทยาศาสตร์ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1999[ 5] [ 6] เขียนบทและกำกับโดย พี่น้องวาชอวสกี เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในภาพยนตร์ชุด เดอะ เมทริกซ์ แสดงนำโดย คีอานู รีฟส์ , ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น , แคร์รี-แอนน์ มอสส์ , ฮิวโก วีฟวิง และโจ แพนโทลีอาโน ภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตแบบดิสโทเปีย ที่มนุษยชาติติดอยู่ในความเป็นจริงจำลอง ที่มีชื่อว่า เดอะ เมทริกซ์ โดยไม่รู้ตัว โดยเครื่องจักรอัจฉริยะสร้างขึ้นเพื่อหันเหความสนใจของมนุษย์ในขณะที่ใช้ร่างกายของพวกเขาเป็นแหล่งพลังงาน[ 7] เมื่อ โธมัส แอนเดอร์สัน โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์และแฮกเกอร์ภายใต้นามแฝง "นีโอ " รับรู้ความจริง เขา "ถูกชักจูงให้กบฏต่อเครื่องจักร"[ 7] และเข้าร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ได้รับการปลดปล่อยจาก เดอะ เมทริกซ์
เดอะ เมทริกซ์ เป็นตัวอย่างของแนวไซเบอร์พังก์ ซึ่งเป็นแนวย่อยของแนวนิยายวิทยาศาสตร์[ 8] แนวทางฉากโลดโผนของวาชอวสกีได้รับอิทธิพลจากแอนิเมชันญี่ปุ่น [ 9] และภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ภาพยนตร์มีการใช้นักออกแบบท่าต่อสู้ และเทคนิคไวร์ฟู จากภาพยนตร์โลดโผนฮ่องกง ซึ่งต่อมาภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวโลดโผน ได้รับอิทธิพลในภายหลัง ภาพยนตร์ได้รับความนิยมจากการใช้เทคนิคพิเศษที่มีชื่อว่า "เวลากระสุน " เป็นการเพิ่มการรับรู้ของตัวละครบางตัว โดยปล่อยให้การกระทำภายในฉากดำเนินไปในแบบสโลว์โมชัน ในขณะที่กล้องดูเหมือนจะเคลื่อนที่ผ่านฉากด้วยความเร็วปกติ ทำให้สามารถรับรู้การเคลื่อนไหวที่เร่งขึ้นของตัวละครบางตัวได้ตามปกติ ในขณะที่นักวิจารณ์บางคนยกย่องภาพยนตร์ในการจัดการกับหัวข้อที่ยากลำบาก แต่คนอื่น ๆ ได้กล่าวว่าธีมที่ลึกกว่านั้นส่วนใหญ่มักบดบังด้วยฉากโลดโผน
เดอะ เมทริกซ์ ฉายครั้งแรกในสหรัฐเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 ทำเงินมากกว่า 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก โดยได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างมากจากนักวิจารณ์ โดยยกย่องในเรื่องเทคนิคพิเศษ, ฉากโลดโผน, การกำกับภาพและค่าความบันเทิง[ 10] [ 11] ภาพยนตร์ได้รับรางวัลออสการ์ สี่สาขา ได้แก่ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม , สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม , สาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม และสาขาลำดับเสียงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึง รางวัลแบฟตา และรางวัลแซทเทิร์น ภาพยนตร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล[ 12] [ 13] [ 14] และได้รับการเก็บรักษาในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2012[ 15]
โครงเรื่อง
หลังจากค้นหาอยู่หลายปีในที่สุดมอร์เฟียสและทรินิตี้ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับชายที่อาจจะเป็นเดอะวันที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ ผู้ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลกเมทริกซ์ สมาชิกฝ่ายต่อต้านอีกคนหนึ่ง ไซเฟอร์ เข้าไปยังเมทริกซ์ก่อนและไปยังโรงแรม Heart O’ The City เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสุดท้ายซึ่งจะเปิดเผยที่อยู่ของชายซึ่งพวกเขากำลังตามหา
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์จากทรินิตี้ไปหาไซเฟอร์ถามเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วสำหรับการพบกันกับชายผู้นั้น ระหว่างที่กำลังโทรศัพท์ทรินิตี้สังเกตเห็นว่าสายกำลังถูกดักฟังเธอจึงรีบวางสาย ไม่นานจากนั้นหน่วยตำรวจมาถึงที่โรงแรมเพื่อจับกุมทรินิตี้ด้วยข้อหาเป็นแฮ็กเกอร์ในเมกาซิตี้ สายลับสามคนมาถึงที่เกิดเหตุและบอกกับตำรวจว่าคนของเขาที่อยู่ในโรงแรม”ตายหมดแล้ว”
ในห้อง 303 ของโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเพื่อจับกุมทรินิตี้ อย่างไรก็ตามทรินิตี้ได้ต่อสู้ขัดขืนและเอาชนะได้ทั้งหมด เธอโทรหามอร์เฟียสและถามหาทางออก มอร์เฟียสบอกทรินิตี้ว่ามีสายลับกำลังตามมาเธอจึงวิ่งออกไป ท้ายที่สุดเธอไปถึงทางออกและออกจากเมทริกซ์ก่อนหน้าสายลับสมิทขับรถบรรทุกพุ่งเข้าชนตู้โทรศัพท์ ในขณะที่ทรินิตี้ออกไปสายลับสามคนพบกันและรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาชายที่ชื่อนีโอและตัดสินใจตามหาเขาเช่นกัน
โทมัส แอนเดอร์สัน ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ โดยใช้ชีวิตอีกด้านเป็นแฮ็กเกอร์ ภายใต้นามแฝงว่า”นีโอ” เขากระวนกระวายใจและขับรถออกไปเพื่อค้นหาความหมายของข้อความปริศนา “เดอะ เมทริกซ์” ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา แฮ็กเกอร์ทรินิตี้ติดต่อนีโอและแจ้งเขาว่าชายที่ชื่อมอร์เฟียสสามารถบอกเขาได้ว่าเดอะ เมทริกซ์คืออะไร อย่างไรก็ตามสายลับสามคนได้จับกุมนีโอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมมือกับมอร์เฟียส
นีโอพบกับมอร์เฟียสและยืนยันว่าเขาต้องการรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเดอะเมทริกซ์โดยเลือกยาสีแดง หลังจากกลืนยาสีแดง นีโอตื่นขึ้นทันทีภายในอ่างพร้อมคนอื่นอีกเป็นล้านๆคนที่เชื่อมต่อกับโครงสร้างทางไฟฟ้าอันสลับซับซ้อน เขาได้รับการช่วยเหลือโดยมอร์เฟียสและนำตัวขึ้นมาบนยานลอยได้ เนบูคาเนซซาร์
มอร์เฟียสบอกกับนีโอว่ามนุษย์กำลังต่อสู้กับเครื่องจักรที่มีสติปัญญาซึ่งถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 21 และตั้งแต่นั้นมาก็เข้าควบคุมพื้นผิวโลก หลังจากมนุษย์ปิดกั้นท้องฟ้าเพื่อตัดพลังงานแสงอาทิตย์ของพวกมัน เครื่องจักรได้จับมนุษย์เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าชีวภาพเป็นแหล่งพลังงาน มนุษย์ที่ตกเป็นทาสเหล่านี้ถูกขังไว้ภายใน “เมทริกซ์” ตามโลกจำลองในปี 1999 นีโออยู่ภายในโลกจำลองนี้ตั้งแต่เกิด มอร์เฟียสเชื่อว่าปีที่แท้จริงแล้วคือประมาณปี 2199 แต่แท้จริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้ มอร์เฟียสอธิบายว่าเขาและลูกเรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมนุษย์เสรีที่”ถอดปลั๊ก” คนอื่นๆในเมทริกซ์ และเกณฑ์พวกเขาเข้าร่วมการต่อต้านเครื่องจักร
พวกเขาสามารถแฮ็กเข้าสู่เมทริกซ์และกลับไปยังโลกจำลองได้ ที่ซึ่งความเข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริงของเมทริกซ์ทำให้พวกเขาสามารถดัดแปลงกฎฟิสิกส์ทำให้มีพวกเขามีความสามารถเหนือมนุษย์ นีโอเข้าร่วมการฝึกต่อสู้จำลอง เขาถูกเตือนว่าการบาดเจ็บรุนแรงในเมทริกซ์จะฆ่าร่างกายจริงๆด้วย และว่าสายลับที่เขาเผชิญคือโปรแกรมทรงพลังที่มีความรู้สึกนึกคิดซึ่งลาดตระเวนเมทริกซ์และกำจัดภัยคุกคามต่อระบบ มอร์เฟียสเชื่อว่านีโอคือ “เดอะ วัน” ชายที่ถูกทำนายว่าจะจบสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร
หลังจากการฝึกของนีโอ ทั้งกลุ่มได้เข้าไปยังเมทริกซ์เพื่อพบกับออราเคิล เทพพยากรณ์ผู้ทำนายถึงการปรากฎตัวของเดอะวัน ออราเคิลบอกเป็นนัยว่านีโอไม่ใช่เดอะวัน และเตือนว่าไม่นานเขาต้องเลือกระหว่างชีวิตของตนเองหรือชีวิตของมอร์เฟียส
ในขณะที่ทั้งกลุ่มเตรียมออกจากเมทริกซ์ พวกเขาก็ถูกซุ่มโจมตีโดยสายลับและตำรวจ ทำให้สมาชิกลูกเรือคนหนึ่งที่ชื่อเมาส์ตาย มอร์เฟียสยอมให้ตัวเขาเองถูกจับเพื่อให้คนที่เหลือหลบหนีไปในช่องกำแพง ในขณะที่พวกเขาเตรียมออกจากเมทริกซ์พวกเขารู้ว่าสหายคนหนึ่งไซเฟอร์ได้ทรยศ จากความผิดหวังในโลกจริงไซเฟอร์เตรียมที่จะมอบมอร์เฟียสให้กับสายลับเพื่อแลกกับการกลับไปอย่างถาวรยังชีวิตที่สุขสบายภายในเมทริกซ์ บนยานเนบูคาเนซซาร์ ไซเฟอร์สังหารลูกเรือ สวิทซ์, เอพ็อก, โดเซอร์ ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าโดยน้องของโดเซอร์ แทงค์
ในเมทริกซ์พวกสายลับมอมยาและสอบสวนมอร์เฟียสเพื่อความพยายามรู้โค้ดเพื่อเข้าสู่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ในไซออนที่มั่นสุดท้ายในโลกจริง นีโอกลับไปเมทริกซ์กับทรินิตี้และช่วยมอร์เฟียส นีโอเริ่มมีความมั่นใจในความสามารถของตนที่จะดัดแปลงเมทริกซ์และสามารถหลบกระสุนปืนในโลกจำลองได้ในที่สุด
มอร์เฟียสกับทรินิตี้ออกจากเมทริกซ์ แต่นีโอถูกดักทำร้ายโดยสายลับสมิทก่อนที่เขาจะออกไปได้ ในโลกจริงเครื่องจักรเซนทิเนลเข้าไปถึงเนบูคาเนซซาร์ ในเมทริกซ์สายลับสมิทฆ่านีโอ ทรินิตี้ซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆร่างของนีโอในโลกจริงได้กระซิบไปว่าออราเคิลบอกเธอว่าเธอจะตกหลุมรักกับเดอะวัน เธอจูบนีโอทำให้เขาฟื้นคืนชีพ ในเมทริกซ์นีโอฟื้นขึ้นด้วยพลังใหม่ในการรับรู้และควบคุมเมทริกซ์ เขาทำลายสายลับสมิทอย่างง่ายดายและกลับไปยังโลกจริงทันเวลาพอดีที่อาวุธ EMP ของยานทำลายเซนทิเนลที่โจมตีอยู่
ในเมทริกซ์ นีโอพูดโทรศัพท์โดยให้สัญญากับเครื่องจักรว่าเขาจะแสดงให้ผู้ถูกคุมขังเห็นโลกที่อะไรก็เป็นไปได้ เขาวางหูและบินออกไปยังท้องฟ้า
รางวัลที่ได้รับ
เดอะ เมทริกซ์ ได้รับรางวัลออสการ์ 4 รางวัล ได้แก่ สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม
อ้างอิง
↑ "The Matrix" . British Board of Film Classification . สืบค้นเมื่อ May 12, 2013 .
↑ 2.0 2.1 "Film: The Matrix" . Lumiere . สืบค้นเมื่อ March 21, 2017 .
↑ 3.0 3.1 "The Matrix" . American Film Institute . สืบค้นเมื่อ June 22, 2021 .
↑ 4.0 4.1 "The Matrix" . British Film Institute . สืบค้นเมื่อ June 22, 2021 .
↑ 5.0 5.1 5.2 "The Matrix (1999)" . Box Office Mojo . Amazon . สืบค้นเมื่อ November 11, 2019 .
↑ "The Matrix laid the template for the gritty, gravity-defying, self-seriously cerebral modern blockbuster" . Vulture.com . February 4, 2019.
↑ 7.0 7.1 Allen, Jamie (November 28, 2012). "The Matrix and Postmodernism" . Prezi.com .
↑ Gibson, William (January 28, 2003). "The Matrix: Fair Cop" . williamgibsonbooks.com . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ May 30, 2012. สืบค้นเมื่อ August 13, 2012 .
↑ "Matrix Virtual Theatre" . Warnervideo.com . Warner Bros. Pictures . November 6, 1999. Interview with the Wachowski Brothers. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ October 6, 2012. สืบค้นเมื่อ November 29, 2012 . We liked Ghost in the Shell and the Ninja Scroll and Akira in anime. One thing that they do that we tried to bring to our film was a juxtaposition of time and space in action beats.
↑ "The Matrix (1999)" . Rotten Tomatoes . Fandango . สืบค้นเมื่อ July 5, 2019 .
↑ "The Matrix (1999): Reviews" . Metacritic . CBS Interactive . สืบค้นเมื่อ July 11, 2008 .
↑ Heritage, Stuart (October 21, 2010). "The Matrix: No 13 best sci-fi and fantasy film of all time" . Guardian.co.uk . London: Guardian Media Group .
↑ "Top 25 Sci-Fi Movies of All Time – Movies Feature at IGN" . Movies.IGN.com . News Corporation . สืบค้นเมื่อ January 29, 2012 .
↑ Jensen, Jeff (May 7, 2007). "The Sci-Fi 25: The Genre's Best Since 1982" . Entertainment Weekly . Time Warner . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ May 8, 2007. สืบค้นเมื่อ May 7, 2007 .
↑ King, Susan (December 19, 2012). "National Film Registry selects 25 films for preservation" . Los Angeles Times . สืบค้นเมื่อ December 21, 2012 .
แหล่งข้อมูลอื่น
ภาพยนตร์
จักรวาล
วิดีโอเกม เกี่ยวข้อง