อะควาแมน |
---|
อะควาแมน จากปก Aquaman ชุดที่ 8 เล่มที่ 25 (สิงหาคม 2017) โดย Stjepan Šejić |
ข้อมูลการจัดพิมพ์ |
---|
ผู้จัดพิมพ์ | ดีซีคอมิกส์ |
---|
ปรากฏตัวครั้งแรก | More Fun Comics ฉบับที่ 73 (พฤศจิกายน ค.ศ. 1941) |
---|
สร้างสรรค์โดย | มอร์ต ไวซิงเกอร์ (ผู้เขียนเรื่อง) พอล นอร์ริส (ผู้วาดภาพ) |
---|
ข้อมูลในเรื่อง |
---|
ชื่อจริง | อาร์เธอร์ เคอรรี |
---|
นามแฝง | อะควาแมน, ราชาอาเธอร์, โอริน |
---|
เผ่าพันธุ์ | ลูกครึ่งมนุษย์และชาวแอตแลนติส |
---|
สังกัดทีม | จัสติซลีก |
---|
ความสามารถ |
- เชี่ยวชาญการสู้ประชิดตัว
- เชี่ยวชาญการใช้อาวุธหอก
- มีทักษะทางด้านการทูต
- มีความเป็นผู้นำ
- เชี่ยวชาญการว่ายน้ำ
จาก สายเลือดชาวแอตแลนติส :
- มีชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ
- มีพละกำลัง ความแข็งแรง ความทนทาน ความยืดหยุ่น ความเร็ว การตอบสนอง ประสาทการรับรู้และการฟื้นตัวที่เหนือมนุษย์
- ใช้โทรจิตสื่อสารกับสัตว์ทะเลได้
|
---|
อะควาแมน (อังกฤษ: Aquaman) เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนอเมริกันที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดีซีคอมิกส์ สร้างสรรค์โดย มอร์ต ไวซิงเกอร์ (Mort Weisinger) และ พอล นอร์ริส (Paul Norris) ปรากฏตัวครั้งแรกใน More Fun Comics เล่มที่ 73 (พฤศจิกายน 1941) เช่นเดียวกันกับตัวละครกรีนแอร์โรว์ โดยอะควาแมนเป็นตัวละครที่หายใจใต้น้ำได้ ว่ายน้ำได้ด้วยความเร็วสูงและสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่มีความเกี่ยวข้องกับท้องทะเลได้ [1][2] เขาเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ของดีซีคอมิกส์ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด
อะควาแมนเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 จนมีแอนิเมชั่นเป็นของตัวเอง ซึ่งแอนิเมชั่นนี้ได้สร้างความประทับใจและทำให้อะควาแมนเป็นที่จดจำในวงกว้าง
ความนิยมทำให้ตัวละครนี้ได้เป็นหนึ่งในตัวละครหลักของซีรีส์การ์ตูน Super Friends (1973) ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมาก อย่างไรก็ดี อะควาแมนในฉบับนี้มักจะไม่ได้ใช้พลังให้เป็นประโยชน์ต่อทีมและมักจะมีภาพลักษณ์ที่ดูน่าขบขัน ทำให้กลายเป็นภาพจำที่มักจะถูกนำมาล้อเลียน ภายหลังดีซีคอมิกส์จึงมีการปรับบุคลิกตัวละครให้มีความน่าเกรงขามและมีพลังอำนาจมากขึ้น ซึ่งในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990
ก็มีการปรับให้อะควาแมนมีความจริงจังมากขึ้น โดยใช้โครงเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทในฐานะราชาแห่งแอตแลนติส
อาเธอร์ เคอร์รี เป็นลูกครึ่งมนุษย์และลูกครึ่งชาวแอตแลนติส ทำให้เขามีพลังและความสามารถที่เหนือมนุษย์อย่างเช่น มีพละกำลังและความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ สามารถหายใจใต้น้ำและทนต่อแรงดันน้ำใต้ทะเลลึกได้ โดยเขามีสายเลือดราชวงศ์แห่งแอตแลนติสและมักจะมีบทบาทสำคัญในฐานะราชาแห่งอาณาจักร เขาเป็นผู้ครอบครอง "ตรีศูลแห่งเนปจูน" อาวุธเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมท้องทะเล เช่น สร้างคลื่นยักษ์หรือน้ำวนได้ , ควบคุมสภาพอากาศ เช่น เรียกฝนหรือพายุได้ นอกจากนั้นยังปล่อยสายฟ้าได้อีกด้วย อาเธอร์ใช้พลังและความสามารถของเขาปกป้องทั้งโลกใต้น้ำและโลกเบื้องบน โดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "อะควาแมน" และเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งจัสติซลีก
ประวัติการสร้างสรรค์
โกลเด้นเอจ
ในปี 1941 มอร์ต ไวซิงเกอร์ ได้สร้างซูเปอร์ฮีโร่ใหม่สามตัวเพื่อถมหน้าว่างใน More Fun Comics โดยเริ่มจากการร่วมมือกับ มอร์ต เมสกิน สร้างตัวละคร จอห์นนี ควิก บุรุษที่มีพลังลมกรดเหมือนเดอะแฟลช
ปรากฏตัวในเล่มที่ 71 (กันยายน 1941) อีกสองฉบับถัดมา ไวซิงเกอร์ได้ร่วมมือกับ จอร์จ แพปป์ และ พอล นอร์ริส สร้างตัวละครกรีนแอร์โรว์กับอะควาแมน [3]
ไวซิงเกอร์เขียนเรื่องให้อะควาแมนเป็นลูกชายของนักสำรวจใต้ท้องทะเลมีชื่อเสียงที่ค้นพบซากปรักหักพังของเมืองแอตแลนติสที่จมอยู่ใต้ทะเล เขาศึกษาค้นคว้าบันทึกและเครื่องมือต่างๆของเผ่าพันธุ์ใต้ทะเล
จนกระทั่งสามารถเรียนรู้วิธีสอนลูกชายให้ใช้ชีวิตอยู่ใต้ทะเลได้, ดึงออกซิเจนจากน้ำได้ และใช้พลังทั้งหมดของท้องทะเลทำให้ลูกชายของเขามีความแข็งแรงและความว่องไวที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งผลจากการฝึกฝนและการใช้กลวิธีลับทางวิทยาศาสตร์กว่า 100 วิธี ทำให้อะควาแมนสามารถดำรงชีวิตอยู่และเติบโตใต้น้ำได้ในที่สุด [1][4]
ในส่วนของการออกแบบนั้น พอล นอร์ริส ได้ออกแบบให้อะควาแมนมีรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแรงสง่างาม มีผมสีเหลืองบลอนด์ สวมเสื้อสีส้มที่มีเกล็ดเหมือนปลา สวมกางเกงสีเขียวและถุงมือสีเหลือง โดยมีสัญลักษณ์ตัวอักษร A ขนาดใหญ่อยู่ที่หัวเข็มขัดของเขา
การผจญภัยของอะควาแมนในยุคสงครามโลกครั้งสอง มีศัตรูหลักเป็นพวกเรือดำน้ำของนาซีและเหล่าวายร้ายของฝ่ายอักษะ ต่อมาหลังจากสงครามสิ้นสุดลง ศัตรูของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นพวกกลุ่มโจรสลัด
เหล่าสัตว์ประหลาดในท้องทะเล และในบางครั้งเขาก็เป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง อะควาแมนปรากฏตัวครั้งสุดท้ายใน More Fun Comics เล่มที่ 107 ก่อนที่จะย้ายไป Adventure Comics ในเล่มที่ 103 (เมษายน 1946) [5]
การปรากฏตัวในสื่ออื่นๆ
โทรทัศน์
แอนิเมชั่น
- อาเธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน เป็นตัวละครหลักในซีรีส์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง Super Friends (1973)
อะควาแมนมีความรอบรู้ในเรื่องสมุทรศาสตร์ เขาสามารถหายใจใต้น้ำได้และสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลได้ นอกจากนั้น ในซีรีส์นี้ยังมีการแสดงศักยภาพด้านความแข็งแรงของอะควาแมนอีกด้วย เช่น ยกรถแทรกเตอร์เอาไว้เหนือหัวแล้วใช้มันช่วยในการหยุดคลื่นยักษ์ [6] อย่างไรก็ดี อะควาแมนในฉบับนี้มักจะไม่ค่อยมีบทบาทในการใช้พลังให้เป็นประโยชน์ต่อทีม
โดยความสามารถของเขามักจะถูกจดจำว่าเป็นเพียง "การคุยกับปลาได้" เท่านั้น นอกจากนั้นเขายังมีภาพจำเป็นการขี่ม้าน้ำ, วาฬ หรือสัตว์ทะเลอื่นๆที่ดูไม่น่าเกรงขาม ทั้งที่เขาสามารถว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงได้,
สามารถขี่ปลาฉลามหรือวาฬเพชฌฆาตที่ดูน่าเกรงขามกว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ภาพลักษณ์ของอะควาแมนนั้นดูด้อยกว่าคนในทีม, ถูกมองว่าเป็นเรื่องขบขันและเป็นภาพจำที่มักจะถูกนำมาล้อเลียน [7]
- อาเธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในซีรีส์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง จัสติซลีก
ฉบับคนแสดง
- อลัน ริชสัน (Alan Richson) รับบทเป็น อาเธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน ในซีรีส์สมอลล์วิลล์ (พ.ศ. 2548) [8]
- จัสติน ฮาร์ทลีย์ (Justin Hartley) รับบทเป็น อาเธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน ในตอนนำร่อง (TV pilot) ของซีรีส์อะควาแมน (พ.ศ. 2549) [9]
ภาพยนตร์
ฉบับคนแสดง
เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) รับบทเป็น อาเธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน ในจักรวาลขยายดีซี [10] โดยในฉบับนี้เขาผมสีดำและทำไฮไลต์ผมเป็นสีบลอนด์ เขามีนัยน์ตาสีเขียว ไว้หนวดเครา ไว้ผมยาวและมีรอยสักอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย
ซึ่งรอยสักเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรอยสักในวัฒนธรรมของชาวโพลีนีเซียที่ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อโชว์ความสวยงาม แต่ยังมีความหมายซ่อนอยู่อีกด้วย [11] โดยโมโมอาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาคาดหวังที่จะแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจของชาวเกาะทุกชาติพันธุ์ผ่านรอยสักนี้ นอกจากนั้นแล้วเขายังมองว่าตัวละครอะควาแมนในฉบับของเขาจะเป็นเหมือนเทพแห่งท้องทะเลคานาโลอา (Kanaloa) และ วีรบุรุษครึ่งคนครึ่งเทพ เมาอี (Māui) อีกด้วย [12]
อาเธอร์ในฉบับนี้มีบุคลิกที่ดูหยาบคาย ดุดันและหงุดหงิดง่าย แต่เขาก็ค่อนข้างฉลาด มีความเสียสละและมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น แม้ว่าภายนอกอาเธอร์จะดูจริงจังมาก แต่เขาก็มีอารมณ์ขันเป็นครั้งคราว
เขาชื่นชอบการผจญภัยและค่อนข้างมองสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง
อาเธอร์เป็นลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งชาวแอตแลนติส และเป็นรัชทายาทแห่งแอตแลนติส เขายังรู้สึกเจ็บช้ำใจกับการที่แม่ของเขาทิ้งเขาไป เขาไม่ยอมรับสิทธิ์ในความเป็นรัชทายาท
และไม่ต้องการเข้าไปในสังคมชาวแอตแลนติส แม้ว่าเมร่าจะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเขาก็ตาม ในตอนที่แบทแมนชวนเขาเข้าทีม อาเธอร์ปฏิเสธที่จะร่วมมือด้วย
แต่ต่อมาหลังจากที่เขารับฟังเมร่าและได้เผชิญหน้ากับสเตพเพนวูล์ฟแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ สวมชุดเกราะของชาวแอตแลนติส รับเอาควินเดนท์(อาวุธหอกห้าง่าม) ที่เคยเป็นของ แอตลาน ผู้เป็นแม่
และใช้พลังที่เขามีร่วมมือกับจัสติซลีกเพื่อต่อสู้กับกองทัพพาราเดม่อนและหยุดยั้งสเตพเพนวูล์ฟ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
แม้ว่าอะควาแมนจะเป็นตัวละครที่หลายคนมองว่าเลียนแบบตัวละครนามอร์ของมาร์เวลคอมิกส์ ซึ่งปรากฏตัวมาก่อนใน 1939 แต่ในการสร้างสรรค์ช่วงแรกเริ่ม สองตัวละครนี้มีจุดที่แตกต่างกันพอสมควร
ยกตัวอย่างเช่น นามอร์บินได้ แต่อะควาแมนบินไม่ได้, นามอร์มีความแข็งแรงโดดเด่น แต่อะควาแมนไม่ได้เป็นแบบนั้น, นามอร์มีสายเลือดของชาวแอตแลนติส แต่อะควาแมนเป็นมนุษย์
นอกจากนั้น อะควาแมนยังมีความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์ทะเลได้ แต่นามอร์ไม่มีความสามารถนี้ [5]
ในการปรากฏตัวช่วงแรกเริ่ม อะควาแมนสามารถหายใจใต้น้ำได้และสามารถควบคุมปลารวมถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้น้ำได้หนึ่งนาที โดยมีการวาดภาพที่ดูเหมือนว่า เขาจะ "พูดภาษาของพวกมัน" มากกว่าที่จะใช้กระแสจิตในการสื่อสาร ซึ่งพลังดังกล่าวมีข้อจำกัดคือต้องอยู่ในระยะที่ใกล้พอที่จะได้ยินเขา (รัศมีกว้างประมาณ 18 เมตร) [13][14]
ภูมิหลังของอะควาแมนในช่วงแรกเริ่มที่เนื้อเรื่องมีการใช้กลวิธีทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์สามารถหายใจใต้น้ำได้นั้น คาดว่า มอร์ต ไวซิงเกอร์ ซึ่งชื่นชอบนิยายวิทยาศาสตร์ อาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Merman ของเดอแคมป์ (de Camp) ก็เป็นได้ [15]
อ้างอิง
|
---|
ผู้สร้าง | |
---|
ตัวละครสนับสนุน | |
---|
ศัตรู | |
---|
ภาพยนตร์ | |
---|
|
---|
|
สมาชิกที่ร่วมก่อตั้ง | |
---|
สมาชิก | |
---|
ศัตรู | |
---|
ฐานทัพ | |
---|
จัสติซลีกในสื่ออื่น ๆ | |
---|