สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1985–86

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1985–86
ประธานสโมสรมาร์ติน เอ็ดเวิดส์
ผู้จัดการทีมรอน แอตกินสัน
กัปตันทีมไบรอัน ร็อบสัน
สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด
ดิวิชัน 1อันดับที่ 4
ผู้ทำประตูสูงสุดลีก:
มาร์ก ฮิวส์ (17)
ทั้งหมด:
มาร์ก ฮิวส์ (18)
ผู้เข้าชมในบ้านสูงสุด54,575 vs ทอตนัมฮอตสเปอร์ (16 พฤศจิกายน 1985)
ผู้เข้าชมในบ้านต่ำสุด20,130 vs นอริชซิตี (6 พฤศจิกายน 1985)
ผู้เข้าชมในบ้านเฉลี่ย42,821 คน
สีชุดเหย้า
สีชุดเยือน
สีชุดที่ 3

ฤดูกาล 1985–86 เป็นฤดูกาลที่ 84 ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฟุตบอลลีก และเป็นฤดูกาลที่ 11 ติดต่อกันในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1]

แม้ว่าทีมจะสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ในฤดูกาลก่อน แต่ทีมก็ไม่สามารถลงแข่งขันในศึกยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ ฤดูกาล 1985–86 ได้ เนื่องจากสโมสรจากอังกฤษถูกแบนห้ามลงแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปเป็นเวลา 5 ปีซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติเฮย์เซลในยูโรเปียนคัพ นัดชิงชนะเลิศ 1985 ในทางกลับกัน สโมสรต่าง ๆ ที่จะลงแข่งขันในฟุตบอลสโมสรยุโรปทั้งหมดจะลงแข่งขันฟุตบอลลีกซูเปอร์คัพแทน

ด้วยการไม่มีการแข่งขันในยุโรปมาทำให้เสียสมาธิ พวกเขาจึงเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการชนะรวด 10 นัดในลีกตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมถึง 28 กันยายน ค.ศ. 1985 พวกเขาไม่แพ้ใครจาก 15 นัดแรก (ชนะ 13 เสมอ 2) โดยมี 41 แต้ม ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พวกเขาอยู่ตำแหน่งจ่าฝูงของตารางจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นพวกเขาเก็บได้เพียง 35 คะแนนจาก 27 นัด และจบอันดับที่ 4 ของลีกด้วยคะแนน 76 คะแนน ตามหลังทีมแชมป์อย่างลิเวอร์พูล 12 คะแนน ไม่มีความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยทำให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของรอน แอตกินสันในฐานะผู้จัดการทีม เขาคุมทีมมา 5 ฤดูกาลโดยที่พวกเขาจบฤดูกาลไม่เคยต่ำกว่า 4 อันดับแรกและคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 2 สมัย แต่การรอคอยตำแหน่งแชมป์ลีกกำลังเข้าสู่ฤดูกาลที่ 20

รายงานของสื่อเชื่อมโยงผู้จัดการทีม 2 คนเกี่ยวกับการย้ายมาโอลด์แทรฟฟอร์ด ได้แก่ เทอร์รี เวนาเบิลส์ ที่เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอให้กลับมาคุมทีมอาร์เซนอล และอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เพิ่งพาแอเบอร์ดีนคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์ในฤดูกาลล่าสุด แม้จะมีการคาดเดากัน แต่แอตกินสันก็ยังคงคุมทีมยูไนเต็ดในฤดูกาลถัดมา แต่ความกดดันที่มีต่อเขาในการนำความสำเร็จมาสู่สโมสรยังคงสูง

มาร์ก ฮิวส์เป็นผู้ทำประตูสูงสุดของยูไนเต็ดอีกครั้ง โดยยิงไป 16 ประตูในลีกและ 18 ประตูในทุกรายการ อย่างไรก็ตาม เขาทำประตูได้น้อยลงในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลหลังจากยิงได้ 11 ประตูก่อนวันคริสต์มาส และในวันที่ 21 มีนาคม 1986 มีการประกาศว่าเขาจะออกจากยูไนเต็ดเมื่อจบฤดูกาลเพื่อเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ยูไนเต็ดได้เซ็นสัญญากับปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต กองหน้าของนอตทิงแฮมฟอเรสต์ เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาแล้ว โดยก่อนหน้านั้นยูไนเต็ดเพิ่งเซ็นสัญญาคว้าตัวเทอร์รี กิ๊บสัน กองหน้าจากคอเวนทรีซิตี หลังช่วงปีใหม่ไม่นาน นอกจากนี้ยังได้เซ็นสัญญาคว้าตัวคริส เทิร์นเนอร์ ผู้รักษาประตูจากซันเดอร์แลนด์มาเป็นผู้รักษาประตูมือ 2 ต่อจากแกรี เบลีย์, มาร์ก ฮิกกินส์ ปราการหลังตัวกลางจากเอฟเวอร์ตัน และดันนิคกี วูด กองหน้าดาวรุ่งของสโมสรขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

กัปตันทีม ไบรอัน ร็อบสัน ลงเล่นเพียงครึ่งฤดูกาลเท่านั้นเนื่องจากอาการบาดเจ็บทำให้ทีมหมดสิทธิ์ลุ้นตำแหน่งแชมป์ลีก

ทีม

สถิติทีม (นับเฉพาะในลีก)
ในวงเล็บหมายถึงลงเป็นตัวสำรอง
ตำแหน่ง ชื่อ ลีก
นัด ประตู
ผู้รักษาประตู แกรี เบลีย์ 25 0
คริส เทิร์นเนอร์ 17 0
กองหลัง พอล แมคกรัธ 40 3
อาร์เธอร์ อัลบิสตัน 37 1
จอห์น กิดแมน 24 0
ไมค์ ดักซ์บิวรี 21 (2) 1
เกรอัม ฮอกก์ 17 0
เคลย์ตัน แบล็คมอร์ 12 3
บิลลี การ์ตัน 10 0
มาร์ก ฮิกกินส์ 6 0
จอห์น ซิเวเบ็ก 2 (1) 0
กองกลาง นอร์มัน ไวต์ไซด์ 37 4
กอร์ดอน สตรักคัน 27 (1) 5
เยสเปอร์ โอลเซิน 25 (3) 11
ไบรอัน ร็อบสัน 21 7
เควิน มอรัน 18 (1) 0
โคลิน กิ๊บสัน 18 5
เรมี โมเสส 4 0
มาร์ก เดมป์ซีย์ 1 0
กองหน้า มาร์ก ฮิวส์ 40 17
แฟรงค์ สเตเปิลตัน 34 (7) 7
ปีเตอร์ บานส์ 12 (1) 2
อลัน บราซิล 1 (10) 3
ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต 11 1
เทอร์รี กิ๊บสัน 2 (5) 0
นิคกี วูด 0 (1) 0

ซื้อขายนักเตะ

เข้า

วันที่ ตำแหน่ง ชื่อ จาก ค่าตัว หมายเหตุ
กรกฎาคม 1985 ผู้รักษาประตู คริส เทิร์นเนอร์ ซันเดอร์แลนด์ 275,000 ปอนด์
ธันวาคม 1985 กองหลัง มาร์ก ฮิกกินส์ เอฟเวอร์ตัน 60,000 ปอนด์
29 มกราคม 1986 กองหน้า เทอร์รี กิ๊บสัน คอเวนทรีซิตี สลับตัวกับอลัน บราซิล
3 กุมภาพันธ์ 1986 กองหลัง จอห์น ซิเวเบ็ก ไวเล
12 มีนาคม 1986 กองหน้า ปีเตอร์ ดาเวนพอร์ต นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 750,000 ปอนด์

ออก

วันที่ ตำแหน่ง ชื่อ ไป ค่าตัว หมายเหตุ
มกราคม 1986 กองหน้า อลัน บราซิล คอเวนทรีซิตี สลับตัวกับเทอร์รี กิ๊บสัน

อ้างอิง

  1. "Manchester United Season 1985/86". StretfordEnd.co.uk. สืบค้นเมื่อ 21 December 2011.

Strategi Solo vs Squad di Free Fire: Cara Menang Mudah!