สำหรับวงดนตรีญี่ปุ่น ดูที่
ยูซึ
ยูซุ (ญี่ปุ่น : ユズ ; โรมาจิ : yuzu ) เป็นผลของพืชชนิด Citrus x junos ซึ่งอยู่ในวงศ์ส้ม (Rutaceae) เอเชียตะวันออก อย่างญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นแหล่งปลูกยูซุที่สำคัญ แต่ในปัจจุบันมีการปลูกยูซุในประเทศออสเตรเลีย สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส [ 1]
เชื่อว่ายูซุมีต้นกำเนิดทางตอนกลางของจีน และเป็นพันธุ์ผสมข้ามของส้มแมนดาริน กับมะส้าน (Citrus cavaleriei )[ 2] ภาษาเกาหลี เรียกยูซุว่า ยูจา (유자 ) โดยทั้งคำว่า ยูซุ และ ยูจา มาจากคำว่า โย่วจึ (柚子 ) ในภาษาจีน ที่ปัจจุบันหมายถึงส้มโอ
ลักษณะ
ยูซุมีลักษณะคล้ายผลเกรปฟรูต ขนาดเล็ก ผิวขรุขระ มีสีเหลืองถึงเขียวตามระดับความสุก มีกลิ่นหอม ผลยูซุมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5.5–7.5 เซนติเมตร และอาจมีขนาดเท่าผลเกรปฟรูตทั่วไป (10 เซนติเมตรหรือมากกว่า)
ยูซุออกผลตามกิ่งก้านที่มีหนามแหลม ใบยูซุมีขนาดใหญ่และมีก้านใบลักษณะคล้ายใบเหมือนใบมะกรูด และมีกลิ่นหอม
ยูซุมีความคล้ายคลึงกับซูดาจิ (Citrus sudachi ) อย่างมาก ซูดาจิเป็นพืชสกุลส้มที่มีถิ่นกำเนิดในจังหวัดโทกูชิมะ และเป็นพันธุ์ผสมข้ามระหว่างยูซุกับส้มแมนดาริน แต่แตกต่างที่รสชาติของผล และยูซุจะมีสีเหลืองเมื่อสุก
แหล่งกำเนิดและการกระจายตัว
ยูซุมีต้นกำเนิดบริเวณตอนบนของแม่น้ำแยงซี ในประเทศจีน[ 3] จากนั้นจึงกระจายตัวเข้าไปในประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ในช่วงราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) และช่วงต้นยุคอะสุกะ (ค.ศ.593-710) นอกจากนี้ในปีค.ศ.1980 มีการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับทำอาหารระหว่างเชฟระดับแนวหน้าของฝรั่งเศสและเชฟอาหารไคเซกิในโตเกียว ทำให้ ยูซุถูกนำไปใช้ประกอบการทำอาหารฝรั่งเศสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โครงสร้างทางเคมีที่สำคัญ
เนื่องจากยูซุเป็นพืชในวงศ์ส้ม (Rutaceae) โครงสร้างทางเคมีจึงคล้ายกัน โดยสารเคมีสำคัญที่พบในยูซุมีดังนี้[ 4]
1.Nomilin
2.Obacunone
3.Ichangin glucoside
4.Limonin
5.Limonine glucoside
6.deacetylnomilin
ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนเป็นสารให้ความขมซึ่งพบได้ทั่วไปในพืชวงศ์ส้ม นอกจากนี้ยูซุยังมีปริมาณวิตามินบี วิตามินอี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียมแคลเซียม และสังกะสี ไม่ต่างจากส้มชนิดอื่นๆ
ประวัติศาสตร์การใช้งาน
ในยุคเอโดะ (1603-1868) มีการกล่าวถึงการนำยูซุมาลอยในอ่างน้ำร้อน เพื่อแช่ตัวในวันเหมายันของชาวญี่ปุ่น เพราะ เชื่อว่าจะช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกและให้ความชุ่มชื้นกับผิว นอกจากนี้ยังเคยมีบันทึกว่ามีการนำยูซุมาเป็นส่วนผสมของยา
ประเทศที่ปลูกมากที่สุดในปัจจุบัน
ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำของตลาดยูซุทั้งในบทบาทของผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดและผู้บริโภครายใหญ่ที่สุด โดยยูซุส่วนใหญ่ปลูกในจังหวัดโคจิ เอฮิเมะ โทคุชิมะ และเกาะเล็กๆอย่างชิโกกุ
การเก็บเกี่ยว
ยูซุเป็นผลไม้ที่ใช้เวลาปลูกนานถึง 20 ปี จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งยูซุจะออกผลมาให้เก็บเกี่ยวได้แค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยเมื่อถึงปีที่ยูซุพร้อมเก็บเกี่ยวให้สังเกตตามกิ่งจะเห็นดอกสีขาวขนาดเล็ก และยูซุจะพร้อมให้เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ในการเลือกผลยูซุที่จะเก็บให้เลือกเก็บผลที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสดใสก่อน
การสกัด
การสกัดสารในยูซุมักนิยมใช้ส่วนของเมล็ดมาทำการสกัดโดยเมล็ดของยูซุจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ Husk Shell Meal[ 5] โดยที่แต่ละส่วนจะให้สารสกัดออกมาเป็นชื่อเดียวกันเพียงแต่มีตัวเลขต่อท้ายชื่อสารที่ต่างกัน ซึ่งการสกัดมีขั้นตอนต่างๆดังนี้
1.ใช้ส่วน Husk Shell หรือ Meal อย่างใดอย่างนึง 200 กรัม
2.นำมาแช่ใน 100% EtOH ปริมาณ 2 ลิตร เป็นเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นทำการปั่นเหวี่ยง 100 rpm 3 ครั้ง
3.จะได้สารที่ชื่อว่า Limonoid aglycone
4.หากนำกากที่เหลือไปทำการแช่ใน 100% Water ปริมาณ 2 ลิตร ที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นทำการปั่นเหวี่ยง 400 rpm 3 ครั้ง
5.จะได้สารที่ชื่อว่า Limonoid glucoside
การใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน
มีการผลิตยูซุภายในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 27,000 ตัน (ค.ศ. 2016)[ 6] ยูซุเป็นส่วนประกอบทั่วไปในอาหารญี่ปุ่น และเป็นส่วนประกอบสำคัญในพนซุ และน้ำส้มสายชู ยูซุ นอกจากนี้ยังใช้ทำยูซุโคโช ชายูซุ สุรา[ 7] [ 8] และของหวาน
ยูซุใช้ในอาหารเกาหลี หลายประเภท เช่น มาร์มาเลด ยูจา-ช็อง (유자청 ), ชายูจา , พันช์ ยูจา-ฮวาแช (유자화채 ) และเป็นส่วนประกอบในสลัด [ 9]
กระทรวงเกษตรสหรัฐ สั่งห้ามนำเข้ายูซุ ทั้งต้นและผลจากต่างประเทศ[ 10]
อ้างอิง
↑ Japan External Trade Organization (日本貿易振興機構 JETRO ジェトロ) เก็บถาวร 2021-01-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน .
↑ Wu, Guohong Albert; Sugimoto, Chikatoshi; Kinjo, Hideyasu; Asama, Chika; Mitsube, Fumimasa; Talon, Manuel; Gmitter, Grederick G, Jr; Rokhsar, Daniel S (2021). "Diversification of mandarin citrus by hybrid speciation and apomixis" . Nature Communications . 12 : 4377. doi :10.1038/s41467-021-24653-0 . and Supplement
↑ Choi, M. H., Yang, S. H., Kim, N. D., & Shin, H. J. (2022). Nomilin from Yuzu Seed Has in vitro antioxidant activity and downregulates melanogenesis in B16F10 melanoma cells through the PKA/CREB signaling pathway. Antioxidants, 11(9), 1636.
↑ 福留奈美, & フクトメナミ. (2020). Yuzu in Japan and South Korea: A comparative study of usage. 紀要, 1-17.
↑ Minamisawa, M., Yoshida, S., & Uzawa, A. (2014). The functional evaluation of waste yuzu (Citrus junos) seeds. Food & function, 5(2), 330-336.
↑ Japan External Trade Organization (日本貿易振興機構 JETRO ジェトロ) เก็บถาวร 2021-01-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries (農林水産省) 2016 Survey
↑ "Yuzu wine" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2006-11-15.
↑ "Bottle of Yuzu wine" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2007-09-28.
↑ "Bureau of Taste: Korean All-Purpose Yuzu Salad Dressing" . Sous Chef . 12 September 2014. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 January 2017. สืบค้นเมื่อ 5 January 2017 .
↑ Rosner, Helen (February 27, 2020). "Nothing Compares to Yuzu" . The New Yorker . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2020. สืบค้นเมื่อ February 27, 2020 .