มาเลฟิเซนต์ (อังกฤษ: Maleficent) เป็นตัวละครฝ่ายร้ายจากภาพยนตร์เรื่อง เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) ของวอลต์ดิสนีย์เมื่อปี 1959 นางประกาศตนเป็น "ประมุขแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง" และเมื่อมิได้รับเชิญไปในพิธีล้างปาป ของเจ้าหญิงออโรรา พระราชธิดาของพระเจ้าสเตฟาน นางก็สาปให้พระกุมารีถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีและสิ้นพระชนม์ก่อนตะวันลับฟ้าในวันเฉลิมพระชนม์ปีที่สิบหก ตัวละครตัวนี้ดัดแปลงมาจากเทพธิดาใจร้าย ในนิทานฝรั่งเศสเรื่อง สาวงามนิทราในป่าไพร (La Belle au bois dormant)
มาเลฟิเซนต์ได้ชื่อว่า เป็น "ตัวร้ายตัวหนึ่งในการ์ตูนดิสนีย์ที่ชั่วช้าที่สุด"[3] และในการจัดอันดับตัวร้ายดิสนีย์สามสิบตัวของเว็บไซต์อัลทิเมตดิสนีย์ (Ultimate Disney) มาเลฟิเซนต์ก็อยู่ที่หนึ่ง[4] นอกจากภาพยนตร์ข้างต้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ยังเป็นตัวละครหลักในเกม คิงดอมฮาตส์ ด้วย
การสร้างตัวละคร
มาร์ก เดวิส สร้างตัวละครนี้ โดยตั้งใจออกแบบให้นางดูคล้ายกับค้างคาวยักษ์ดุร้าย[5] เบอร์นี แมตตินสัน บุคลากรดิสนีย์ กล่าวว่า มาเลฟิเซนต์ "ได้รับการออกแบบให้ดูประหนึ่งค้างคาวดูดเลือดตัวใหญ่ยักษ์เพื่อให้รู้สึกถึงภัยคุกคาม"[6]
ชื่อของตัวละครว่า "มาเลฟิเซนต์" นั้นเป็นคำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า ทำผิดคิดชั่ว[7] นางมีกายสีเขียว และสวมศิราภรณ์ซึ่งมีลักษณะเป็นเขาสัตว์สีดำสองเขา
ในภาพยนตร์ เจ้าหญิงนิทรา ฉบับภาษาอังกฤษ เอเลเนอร์ ออดลีย์ ให้เสียงแก่มาเลฟิเซนต์ ออดลีย์เคยพากย์เป็นคุณหญิงเทรเมน แม่เลี้ยงใจร้ายของซินเดอเรลลา ในภาพยนตร์เรื่อง ซินเดอเรลลา เมื่อปี ค.ศ. 1950 มาแล้ว ผู้สร้างตัวละครมาเลฟิเซนต์ยังอาศัยกิริยาท่าทางของออดลีย์เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบมาเลฟิเซนต์ด้วย[8] โอลลี จอห์นสัน กับแฟรงก์ ทอมัส นักสร้างภาพเคลื่อนไหว กล่าวไว้ในหนังสือ เดอะดิสนีย์วิลเลียน ว่า งานพากย์เสียงครั้งนี้ของออดลีย์เป็น "งานที่ยากแต่น่าตื่นเต้น เป็นการทำงานกับเสียงแบบที่ต้องประสมสำเนียงประชดประชันเข้ากับอำนาจดุร้าย"[9]
เอริก เคลเวิร์ท สร้างมังกรอันเป็นร่างจำแลงของมาเลฟิเซนต์ เคลเวิร์ทกล่าวว่า มังกรตัวนี้เอางูหางกระดิ่งเป็นแม่แบบ จึงมี "กล้ามเนื้ออันทรงพลังที่เคลื่อนร่างกายอันเทอะทะไปตามเหลี่ยมผา"[6] ส่วนจิม แมกดอนัลด์ ซึ่งรับผิดชอบงานเสียง ได้ร้องขอให้กองทัพสหรัฐส่งเสียงที่บันทึกจากการฉีดเครื่องพ่นไฟ มาให้ใช้เป็นเสียงลมหายใจของมังกร[8]
บทบาท
ในภาพยนตร์เรื่อง เจ้าหญิงนิทรา มาเลฟิเซนต์ปรากฏกายครั้งแรกโดยใช้อำนาจเหนือธรรมชาติบันดาลให้เกิดลมพายุใหญ่พัดเข้ามาท่ามกลางท้องพระโรงพระราชวังพระเจ้าสเตฟานขณะประกอบพระราชพิธีสมโภชเดือนเจ้าหญิงออโรรา ตามด้วยอสนีบาตฟาดเข้ามาหน้าพระที่นั่ง เกิดเป็นเปลวเพลิงสีเขียว แล้วนางก็แสดงตัว เมื่อมาแล้วนางก็มีกิริยานอบน้อมต่อพระเจ้าแผ่นดิน แต่กล่าววาจากระทบกระเทียบซึ่งแสดงให้เห็นว่า นางโกรธมากที่ไม่ได้รับเชิญมาในพระราชพิธีนี้เหมือนนางฟ้าองค์อื่น ๆ ครั้นแล้ว นางทูลถามพระเจ้าแผ่นดินถึงเหตุผลที่ไม่ทรงเชิญนางมา นางฟ้าเมอร์รีเวทเทอร์ก็สอดขึ้นว่า เพราะ "ไม่มีใครต้องการหล่อน" นางจึงแก้เกี้ยวว่า คงเป็นเพียงการเผลอมองข้ามนางไป พระราชินีจึงตรัสขอให้นางอย่าได้ถือโทษ นางก็ทูลตอบว่า เพื่อแสดงว่า นางมิได้โกรธเกรี้ยวเลย นางจะอำนวยพรให้แก่พระกุมารี แล้วนางก็ประกาศว่า เจ้าหญิงออโรราจะเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นสตรีผู้พร้อมทั้งความดีและความงาม เป็นที่รักของคนทั้งปวงผู้ได้พบ แต่ก่อนตะวันยอแสงในวันเฉลิมพระชนม์สิบหกชันษา เจ้าหญิงจะถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีและสิ้นพระชนม์ แล้วมาเลฟิเซนต์ก็อันตรธานไป เมร์รีเวทเทอร์ที่ยังมิได้ประทานพรให้แก่พระกุมารีจึงบรรเทาคำสาปของมาเลฟิเซนต์เป็นว่า เจ้าหญิงออโรราจะเพียงบรรทมไป และจะเสด็จจากบรรทมก็ต่อเมื่อทรงได้รับการจุมพิตด้วยรักแท้
นางฟ้าสามองค์ คือ ฟลอรา, ฟอนา และเมอร์รีเวทเทอร์ ช่วยกันซ่อนพระราชธิดาเอาไว้จนกว่าจะพ้นวันเฉลิมพระชนม์สิบหกชันษา ขณะเดียวกัน มาเลฟิเซนต์สั่งให้ยักษ์มารซึ่งเป็นสมุนของนางช่วยกันตามหาพระราชธิดามาตลอดแต่ก็ไร้ผล นางจึงมอบหมายให้ดีอาโบล นกกาของนาง ออกล่าพระราชธิดา และดีอาโบลก็ได้พบ มาเลฟิเซนต์จึงมาหาพระราชธิดาในเย็นวันเฉลิมพระชนม์สิบหกชันษานั้นเอง และล่อลวงให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายทิ่มพระดัชนีสลบไปในหอคอยเปลี่ยว
เพื่อให้เป็นที่มั่นใจว่า จะไม่มีผู้ใดมาปลุกพระราชธิดาตามคำของเมร์รีเวทเทอร์ มาเลฟิเซนต์จึงจับเจ้าชายฟิลลิป รักแท้ของพระราชธิดา ไปขังไว้ในบรรพตต้องห้าม อันเป็นที่พำนักของนาง แต่นางฟ้าทั้งสามมาช่วยเจ้าชายออกจากที่คุมขังได้ ความทราบถึงมาเลฟิเซนต์ นางจึงพยายามขัดขวางมิให้เจ้าชายไปถึงปราสาทที่พระราชธิดาบรรทมอยู่ โดยบันดาลให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น สายฟ้า และป่าหนาม แต่ก็ไม่เป็นผล นางจึงเหาะมาขวางหน้าเจ้าชายไว้ และกล่าวว่า จะต่อกรกับเขาด้วย "อำนาจแห่งอเวจี" แล้วจำแลงกายเป็นมังกรมหึมาเข้าประจันหน้ากับเจ้าชาย ขณะที่เจ้าชายกำลังเพลี่ยงพล้ำและใกล้ถึงความตายนั้นเอง นางฟ้าทั้งสามรวมอำนาจแห่งความดีเสกเป่ากระบี่ของเจ้าชายให้มีฤทธิ์ แล้วเจ้าชายโยนกระบี่นั้นไปปักหัวใจมังกร มังกรหมายจะกระโดดเข้ากัดกินเจ้าชายด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย แต่ก็ตกลงจากที่ยืนลงสู่หุบเหวเบื้องล่างถึงแก่ความตาย เห็นแต่กระบี่กายสิทธิ์ปักเสื้อคลุมของมาเลฟิเซนต์ตรึงไว้กับพื้นเบื้องล่าง แล้วกระบี่นั้นกลายเป็นสนิมไป
การตอบรับ
กิลเยอร์โม เดล โตโร ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเม็กซิโก ว่า มาเลฟิเซนต์เป็นมังกรในภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบมาก[10] นอกจากนี้ มาเลฟิเซนต์ยังได้รับการจัดอันดับเป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งในเว็บไซต์อัลทิเมตดิสนีย์ และมีผู้วิจารณ์บางคนพรรณนาว่า นางเป็น "ตัวร้ายตัวจริงประจำดิสนีย์"[4]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น