พระเจ้าอาฟงซูที่ 1 (โปรตุเกส : Afonso I ), อาฟงซู เอ็งรีกึช (Afonso Henriques ) หรือ อาฟงซูผู้พิชิต (Afonso o Conquistador ) เสด็จพระราชสมภพ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1106/1109 หรือไม่ก็เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1109/1111 สิ้นพระชนม์ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1185 ปฐมกษัตริย์แห่งโปรตุเกส ผู้พิชิตซังตาไร และลิสบอน มาจากชาวมุสลิม และประกาศเอกราชให้ราชอาณาจักรโปรตุเกสที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรเลออน พระองค์สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กาเปเซียง
วัยเยาว์
พระเจ้าอาฟงซูที่ 1 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1109 บุตรชายของอ็องรีแห่งบูร์กอญ กับเตเรซา บุตรสาวนอกสมรสของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 แห่งเลออนและกัสติยา และเป็นหลานชายของรอแบร์ ดยุกแห่งบูร์กอญ เสด็จพระราชสมภพเมื่อบิดาได้เป็นเคานต์แห่งโปรตุเกส หลังจากช่วยเหลือกษัตริย์แห่งกัสติยา ขับไล่ชาวมุสลิม บิดามารดาของพระองค์เป็นเคานต์และเคาน์เตสแห่งโปรตุเกสร่วมกันจนกระทั่งอ็องรีเสียชีวิตในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1112 ในช่วงระหว่างปิดล้อมอัสตอร์กา [ 2] เตเรซาจึงปกครองต่อตามลำพัง[ 3] เนื่องจากอาฟงซูมีพระชนมายุเพียง 3 พรรษา
เตเรซา มารดาของพระองค์ต้องการได้ส่วนแบ่งในราชอาณาจักรเลออนอันเป็นมรดกเพิ่ม จึงตั้งกองทัพร่วมกับเฟร์นันโด เปเรซ เด ตราบา เคานต์ผู้ทรงอำนาจที่สุดในราชอาณาจักรกาลิเซีย [ 4] ขุนนางโปรตุเกสไม่ชอบใจที่โปรตุเกสผูกมิตรกับกาลิเซียจึงหันมาสนับสนุนอาฟงซู ในปี ค.ศ. 1122 อาฟงซูมีพระชนมายุครบ 14 พรรษา ซึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ในปี ค.ศ. 1127 พระองค์ร่วมมือกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 ต่อกรกับเตเรซา ทรงก่อปฏิวัติและยึดการปกครองมาจากมารดา
เคานต์แห่งโปรตุเกส
ในปี ค.ศ. 1128 ที่สมรภูมิเซามาแมดือ ใกล้กับกีมาไรช์ อาฟงซูและผู้สนับสนุนสามารถคว้าชัยเหนือเตเรซากับคนรัก เคานต์เฟร์นันโด เปเรซ เด ตราบาแห่งกาลิเซีย อาฟงซูขับไล่มารดาไปอยู่ที่กาลิเซียและยึดอำนาจปกครองเคาน์ตีโปรตุเกส[ 5] เคาน์ตีได้แยกตัวออกมาจากราชอาณาจักรกาลิเซีย โดยมีอาฟงซูเป็นผู้ปกครองแต่เพียงผู้เดียวและเรียกร้องเอกราชในเวลาต่อมา มีการปฏิวัติเกิดขึ้นหลายครั้งในกัสติยาซึ่งในเวลานั้นเป็นประเทศราชของราชอาณาจักรเลอน อาฟงซูน่าจะคอยดูสถานการณ์อยู่ และเมื่อเตเรซาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1131 พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนและกัสติยาเรียกร้องให้อาฟงซูซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นข้าราชบริวารของพระองค์ ในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1129 อาฟงซู เอ็งรีกึชประกาศตนเป็นเจ้าชายแห่งโปรตุเกสหรือเจ้าชายของชาวโปรตุเกส อาจจะด้วยพระองค์มีสิทธิ์ตามสายเลือด จากการเป็นหนึ่งในสองพระนัดดาของจักรพรรดิแห่งฮิสปาเนีย
หลังจากนั้นอาฟงซูสะบัดธงรบเพื่อจบปัญหายืดเยื้อกับชาวมัวร์ ที่อยู่ทางตอนใต้ พระองค์ประสบความสำเร็จในการสู้รบ ในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1139 พระองค์ได้รับชัยชนะท่วมท้นในสมรภูมิโอรีกือและประกาศตนเป็นกษัตริย์แห่งโปรตุเกส
กษัตริย์แห่งโปรตุเกส
พระเจ้าอาฟงซูที่ 1 ที่การปิดล้อมลิสบอน (ภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบโดยฌูอากิง รูดรีกึช บรากา)
แม้จะเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์จากพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนแล้ว แต่โปรตุเกสยังต้องการการยอมรับจากดินแดนข้างเคียง, จากคริสตจักรคาทอลิก และจากสมเด็จพระสันตะปาปา ว่ามีสถานะเป็นราชอาณาจักร พระเจ้าอาฟงซูอภิเษกสมรสกับมาฟัลดาแห่งซาวอย บุตรสาวของอามาเดอุสที่ 3 เคานต์แห่งซาวอย และส่งราชทูตไปโรมเพื่อเจรจากับสมเด็จพระสันตะปาปา ทรงหลุดพ้นจากการเป็นประเทศราชของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แหงเลออนผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง และกลายเป็นข้าราชบริวารของสมเด็จพระสันตะปาปาแทน เหมือนเช่นกษัตริย์แห่งซิซิลี และกษัตริย์แห่งอารากอน ที่เป็นก่อนพระองค์
พระองค์สร้างอารามและคอนแวนต์หลายแห่งในโปรตุเกส ที่โดดเด่นคืออารามอัลกูบาซา ในปี ค.ศ. 1143 มีพระราชสาสน์ถึงสมเด็จพระสันตะปาปาอินโซเซนต์ที่ 3 ประกาศว่าพระองค์และราชอาณาจักรเป็นข้าของศาสนจักร ทรงสาบานว่าเดินหน้าขับไล่ชาวมัวร์ออกจากคาบสมุทรไอบีเรีย ต่อไป ในปี ค.ศ. 1147 ทรงพิชิตซังตาไรและลิสบอน[ 6] ทั้งยังพิชิตพื้นที่สำคัญทางตอนใต้ของแม่น้ำเทกัส แม้ชาวมัวร์จะยึดคืนไปได้ในปีต่อมา
ขณะเดียวกันพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออน ลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าอาฟงซูมองการประกาศอิสรภาพของโปรตุเกสเป็นเพียงการก่อกบฏ ความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหนึ่งปีต่อมา พระเจ้าอาฟงซูเข้าร่วมทำสงครามอยู่ฝั่งเดียวกับราชอาณาจักรอารากอน เป็นศัตรูกับราชอาณาจักรกัสติยา เพื่อเป็นการผนึกสัมพันธไมตรี ซังชู พระโอรสของพระองค์ถูกจับหมั้นหมายกับด็อลเซ น้องสาวของเคานต์แห่งบาร์เซโลนาและเป็นอินฟันตาแห่งอารากอน สุดท้ายหลังคว้าชัยที่สมรภูมิวัลดือเวช สนธิสัญญาซาโมรา (ค.ศ. 1143) ทำให้ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคืนดีกัน และราชอาณาจักรเลออนยอมรับว่าโปรตุเกสคือราชอาณาจักรที่มีกษัตริย์ปกครอง
พระเจ้าอาฟงซูที่สมรภูมิโอรีกือ ขณะเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ปาฏิหาริย์แห่งกางเขน (ค.ศ. 1793 โดยดูมีกุช ซือไกรา)
ในปี ค.ศ. 1169 พระเจ้าอาฟงซูในวัยชราไม่สามารถสู้รบใกล้กับบาดาโฆซ ได้เนื่องจากตกจากหลังม้า และถูกทหารของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระชามาดาจับตัวเป็นนักโทษ โปรตุเกสเสียค่าไถ่ตัวพระองค์เป็นดินแดนเกือบทั้งหมดที่พระเจ้าอาฟงซูพิชิตมาจากราชอาณาจักรกาลิเซีย (ทางตอนเหนือของแม่น้ำมิญญู ) เมื่อปีก่อน[ 6]
ในปี ค.ศ. 1184 อะบู ยะอ์กูบ ยูซุฟ กาหลิบของกลุ่มอัลโมฮัด ยกทัพใหญ่มาตอบโต้การรุกรานของโปรตุเกส เนื่องจากสนธิสัญญาพักรบห้าปีได้สิ้นสุดไปเมื่อปี ค.ศ. 1178 กลุ่มอัลโมฮัดปิดล้อมโจมตีซังตาไรที่มีซังชู ทายาทของพระเจ้าอาฟงซูปกป้องเมืองอยู่ การปิดล้อมของกลุ่มอัลโมฮัดล้มเหลวเมื่อได้ทราบข่าวว่าอัครมุขนายกแห่งกอมโปสเตลาเดินทางมาคุ้มครองเมืองและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งเลออนได้ยกทัพมาด้วยพระองค์เอง กลุ่มอัลโมฮัดล้มเลิกการปิดล้อมและถอยทัพกลับไปเนื่องจากเกิดความแตกตื่นในค่ายทหาร กาหลิบของกลุ่มอัลโมฮัดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับเซบิยา หลังจากนั้นไม่นานพระเจ้าอาฟงซูสิ้นพระชนม์ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1185 ด้วยพระชนมายุ 76 พรรษา ครองราชย์ได้ 46 ปี ชาวโปรตุเกสยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษ ทั้งจากอุปนิสัยส่วนตัวและจากการเป็นผู้ก่อตั้งชาติ[ 6]
พระโอรสธิดา
ในปี ค.ศ. 1146 พระเจ้าอาฟงซูอภิเษกสมรสกับมาฟัลดา บุตรสาวของอามาเดอุสที่ 2 เคานต์แห่งซาวอยกับมาโอแห่งอาลบง มีพระโอรสธิดาด้วยกัน คือ[ 7]
อ้างอิง
↑ Haydn, Joseph (1860). A dictionary of dates relating to all ages and nations: for universal reference; comprehending remarkable occurrences, ancient and modern, the foundation, laws, and governments of countries, ... and particularly of the British Empire. By Joseph Haydn (ภาษาอังกฤษ). Edward Moxon, Dover Street. p. 527.
↑ Mattoso 2014, p. 34.
↑ Gerli, E. Michael. Medieval Iberia , Routledge, 2013ISBN 9781136771613
↑ Gerli, E. Michael. Medieval Iberia , Routledge, 2013ISBN 9781136771613
↑ Gerli, E. Michael. Medieval Iberia , Routledge, 2013ISBN 9781136771613
↑ 6.0 6.1 6.2 One or more of the preceding sentences incorporates text from a publication now in the public domain: Hannay, David (1911). "Alphonso s.v. Alphonso I.". In Chisholm, Hugh. Encyclopædia Britannica . 1 (11th ed.). Cambridge University Press. p. 733.
↑ Mattoso 2014, pp. 226–227.
↑ 8.0 8.1 Caetano de Souza 1735, p. 60.
↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 Rodrigues Oliveira 2010, p. 71.
↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 Mattoso 2014, p. 226.
↑ 11.0 11.1 Rodrigues Oliveira 2010, p. 79.
↑ Arco y Garay 1954, p. 168.
↑ Rodrigues Oliveira 2010, p. 80.
↑ Mattoso 2014, pp. 372–373.
↑ Rodrigues Oliveira 2010, p. 78.
↑ Mattoso 2014, pp. 287–288, 290.
↑ Mattoso 2014, p. 227.
↑ Mattoso 2014, pp. 227, 383.