นีโครโนมิคอนจำลอง
นีโครโนมิคอน (อักษรละติน : Necronomicon) เป็นตำราเวทย์สมมุติที่ปรากฏในงานประพันธ์ชุดตำนานคธูลู ของ เอช. พี. เลิฟคราฟท์ และถูกหยิบยืมไปอ้างถึงโดยนักประพันธ์อื่น ๆ โดยปรากฏครั้งแรกในเรื่องสั้น The Hound [ 1] ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2467 แต่หนึ่งปีก่อนหน้านั้น เลิฟคราฟท์ก็ได้อ้างคำพูดของตัวละคร อับดุล อัลฮาเซรด ซึ่งเป็นผู้แต่งนีโครโนมิคอนไว้แล้วในเรื่อง The Nameless City [ 2] เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้นั้นมีเรื่องราวของเกรทโอลด์วัน และพิธีกรรมที่ใช้อัญเชิญอยู่ด้วย
นักประพันธ์คนอื่น ๆ เช่น ออกัสต์ เดอเลธ และคลาก แอชตัน สมิท ได้ยืมเอานีโครโนมิคอนไปอ้างถึงในงานเขียนของตนเอง โดยได้รับการสนับสนุนจากเลิฟคราฟท์ซึ่งคิดว่าการยกมาใช้ร่วมกันนี้จะทำให้บรรยากาศของเรื่องสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้มีผู้อ่านจำนวนมากเข้าใจผิดว่าหนังสือเล่มนี้มีจริง มีการสั่งซื้อหรือขอนีโครโนมิคอนผ่านทางผู้ขายหนังสือและบรรณารักษ์เป็นจำนวนมาก บางครั้งก็มีการแกล้งใส่ชื่อนีโครโนมิคอนไว้ในรายการหนังสือหายาก และเคยมีนักศึกษาแอบใส่บัตรของนีโครโนมิคอนไว้ในบัตรห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเยล [ 3] หลังจากที่เลิฟคราฟท์เสียชีวิตไปแล้ว สำนักพิมพ์ต่าง ๆ ก็ได้ตีพิมพ์หนังสือโดยใช้ชื่อว่านีโครโนมิคอนเป็นจำนวนมาก หนังสือรวมงานศิลป์เล่มแรกของ เอช อาร์ กีเกอร์ ก็ใช้ชื่อว่านีโครโนมิคอน
ที่มา
ที่มาของชื่อนีโครโนมิคอนนั้นไม่แน่ชัดนัก โดยเลิฟคราฟท์ระบุว่าเขาได้ชื่อนี้มาจากในฝัน[ 4] แม้จะมีผู้เชื่อว่าเลิฟคราฟท์น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจาก เดอะคิงอินเยลโล ของ โรเบิร์ต ดับเบิลยู. แคมเบอร์ส แต่ดูเหมือนว่าเลิฟคราฟท์จะไม่เคยอ่านเดอะคิงอินเยลโลจนกระทั่งปี พ.ศ. 2470 [ 5] โดนัลด์ อาร์ เบอร์ลสันเชื่อว่าความคิดของหนังสือนี้มาจากแนแธเนียล ฮอว์ธอร์น แต่เลิฟคราฟท์เองก็เคยระบุว่าข้อเขียนที่ถูกซ่อนไว้นี้เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในงานประพันธ์แบบกอธิค[ 6]
เลิฟคราฟท์เคยเขียนไว้ว่า[ 7] ชื่อนี้แปลมาจากภาษากรีก หมายถึง "ภาพแห่งกฎมรณะ": nekros - νεκρός ("ตาย"), nomos - νόμος ("กฎ"), eikon - εικών ("ภาพ").[ 8] โรเบิร์ต เอ็ม. ไพรซ์ ระบุว่าชื่อนี้ได้รับการแปลโดยผู้อื่นไว้เป็น "ตำราแห่งนามมรณะ" "ตำราแห่งกฎมรณะ" และ "ผู้รู้กฎมรณะ" เอส. ที. โจชิ ระบุว่าเลิฟคราฟท์น่าจะแปลผิดพลาด โดยคำขยาย -ikon นั้นเป็นเพียงคำขยายทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำว่า eikõn (ภาพ) เลย[ 9]
เลิฟคราฟท์นั้นกล่าวอยู่เสมอว่าเรื่องราวของนีโครโนมิคอนนั้นเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ในจดหมายถึง วิลลิส โคโนเวอร์ เลิฟคราฟท์ได้ขยายความไว้ว่า
ทีนี้ก็เรื่องของ"บรรดาหนังสือต้องห้ามอันน่ากลัว" ผมต้องบอกว่าส่วนใหญ่แล้วมันเป็นจินตนาการล้วน ๆ ไม่เคยมีอับดุล อัลฮาเซรดหรือนีโครโนมิคอน เพราะผมสร้างชื่อนั้นขึ้นเอง โรเบิร์ต บล็อก สร้างลุดวิก พรินน์และ เด เวอร์มิส มิสเทรีส ขณะที่ หนังสือแห่งเอบอน เป็นผลงานของ คลากแอชตัน สมิท โรเบิร์ต อี. โฮเวิร์ด ให้กำเนิดฟรีดริค ฟอน ยุนซท์ และ Unaussprechlichen Kulten หนังสือที่เขียนถึงเรื่องอันมืดมนของไสยศาสตร์และเหนือธรรมชาติอย่างจริงจังนั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่ค่อยมีอะไรนัก นั่นเป็นสาเหตุที่การสร้างงานลึกลับอย่างนีโครโนมิคอนหรือหนังสือแห่งเอบอนนั้นสนุกกว่ากันมากนัก[ 4]
แท้จริงแล้ว ชื่อของอับดุล อัลฮาเซรด ก็ไม่ใช่ชื่อที่ถูกไวยากรณ์ของภาษาอาหรับ เนื่องจากอับดุลนั้นหมายถึง "ผู้รับใช้ของ..." ส่วนอัลฮาเซรดนั้นไม่ใช่นามสกุลแต่เป็นการอ้างถึงสถานที่เกิด[ 10]
ประวัติสมมุติ
Wikisource
เลิฟคราฟท์ได้เขียนประวัติสมมุติคร่าว ๆของนีโครโนมิคอนในปี พ.ศ. 2470 และได้รับการเผยแพร่ในชื่อว่า ประวัติของนีโครโนมิคอน ในปีพ.ศ. 2481 หลังจากที่เลิฟคราฟท์เสียชีวิตไปแล้ว[ 11] ทำให้นักประพันธ์รุ่นหลังสามารถเขียนถึงนีโครโนมิคอนอย่างสอดคล้องกันได้[ 12]
ในประวัติของนีโครโนมิคอนนั้น เดิมทีหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า อัล อาซิฟ (Al Azif) ซึ่งเป็นศัพท์อาหรับที่เลิฟคราฟท์แปลว่า "เสียงในยามราตรี (ที่แมลงทำ) ซึ่งเหมือนเสียงหอนของปิศาจ" (พจนานุกรม อาหรับ/อังกฤษเล่มหนึ่งระบุว่า `Azīf หมายถึง "เสียงหวีดหวิว (ของลม); เสียงประหลาด")[ 13]
อับดุล อัลฮาเซรด "อาหรับวิปลาส" ผู้เขียนนีโครโนมิคอนนั้นเป็นผู้บูชายอก โซธอท และคธูลู มาจากซานา ในเยเมน และเคยไปเยือนซากโบราณแห่งบาบิโลน "ความลับใต้ดิน" ของเมืองเมมฟิสในประเทศอียิปต์ และค้นพบนครไร้นามใต้ไอเรมในทะเลทรายของอาหรับ อัลฮาเซรดได้อาศัยอยู่ที่ดามัสกัส และได้เขียนอัล อาซิฟก่อนจะถูกอสุรกายที่มองไม่เห็นฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ ในปี ค.ศ. 738
อัล อาซิฟ ได้รับความสนใจอย่างมากจากเหล่านักปรัชญาในสมัยนั้น และได้รับการแปลเป็นภาษากรีกในปี ค.ศ. 950 โดยธีโอโดรัส ฟิเลตัส นักศึกษาจากคอนสแตนติโนเปิล ผู้ตั้งชื่อให้หนังสือเล่มนี้ว่า นีโครโนมิคอน เนื่องจากมีผู้ได้ทดลองกระทำสิ่งที่น่ากลัวตามนีโครโนมิคอน ทำให้พระสังฆราชไมเคิลที่หนึ่ง ประกาศให้เป็นหนังสือต้องห้าม และเผาทำลายในปี 1050 จึงมีการเผยแพร่อย่างลับ ๆ เท่านั้น
ในปี 1228 บาทหลวงลัทธิโดมินิกัน ออเล วอร์เมียส ได้แปลนีโครโนมิคอนเป็นภาษาละติน (ในความเป็นจริงนั้น ออเล วอร์ม เป็นแพทย์ชาวเดนนิช และมีชีวิตอยู่ในช่วง 1588 ถึง 1655) สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 9 ได้สั่งให้นีโครโนมิคอนทั้งสองภาษาเป็นหนังสือต้องห้ามในปี 1232 แต่ก็มีการพิมพ์ฉบับภาษาละตินในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในประเทศเยอรมนี และช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในประเทศสเปน ส่วนฉบับภาษากรีกนั้นมีการเผยแพร่ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในประเทศอิตาลี
ในสมัยเอลิซาเบธ จอห์น ดี ได้แปลนีโครโนมิคอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่เคยมีการตีพิมพ์และมีต้นฉบับเหลืออยู่เพียงบางส่วนเท่านั้น (เนื้อหาที่โยงจอห์น ดีเข้ากับนีโครโนมิคอนนี้ แฟรงก์ เบลค์นาพ ลอง เป็นผู้เสนอให้เลิฟคราฟท์)
สำเนาของนีโครโนมิคอนฉบับดั้งเดิมนั้นมีเก็บไว้ตามสถาบันต่าง ๆ เพียงห้าเล่มเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้วยังมีสำเนาที่เก็บไว้เป็นของส่วนตัว คือที่ปรากฏในเรื่อง The Case of Charles Dexter Ward ในเรื่อง The Festival ในเรื่อง The Nameless City และในเรื่อง The Hound
อัล อาซิฟ ฉบับภาษาอาหรับนั้นหายสาบสูญไปแล้วก่อนที่นีโครโนมิคอนจะกลายเป็นหนังสือต้องห้าม แม้ว่าจะมีการอ้างถึงสำเนาลับ ๆ ที่ปรากฏในซานฟรานซิสโก ในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งก็สาบสูญไปในอุบัติเหตุไฟไหม้ในเวลาต่อมา ส่วนฉบับภาษากรีกนั้นก็ไม่เคยมีใครพบอีกเลยหลังจากที่ห้องสมุดของชายชาวซาเลม ถูกเผาไปในปี 1692
ลักษณะและเนื้อหา
แม้ว่าเลิฟคราฟท์จะอ้างถึงนีโครโนมิคอนบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยระบุถึงลักษณะหรือเนื้อหาในนีโครโนมิคอนมากนัก ซึ่งเลิฟคราฟท์เคยเขียนไว้ว่า "ถ้ามีใครพยายามเขียนนีโครโนมิคอนขึ้นมา ก็จะทำให้คนที่สั่นกลัวข้อความลึกลับเหล่านั้นผิดหวังกันหมด"[ 14]
ในเรื่อง The Nameless City ได้มีการยกข้อความของอับดุล อัลฮาเซรดขึ้นมาว่า
สิ่งนั้นมิได้ตายและจักอยู่ไปชั่วกาล,
เมื่อเวลาอันพิกลเปลี่ยนผ่าน มัจจุราชก็จักมรณา
ซึ่งข้อความนี้ได้ถูกยกขึ้นมาอ้างอีกในเรื่องเสียงเรียกของคธูลู และได้รับการระบุว่ามาจากนีโครโนมิคอน ข้อความนี้ได้รับการอ้างถึงบ่อยครั้งโดยนักประพันธ์รุ่นหลัง เช่นในเรื่อง The Burrowers Beneath ของไบรอัน ลัมลีย์ ซึ่งได้เพิ่มเนื้อหาหลายย่อหน้าเข้าไปก่อนหน้า
เนื้อหาของนีโครโนมิคอนนั้นเป็นข้อความที่มีเนื้อหาอย่างชัดเจน ดังที่ปรากฏในเรื่อง The Dunwich Horror ซึ่งตัวละคร วิลเบอร์ เวทลีย์ไปหาสำเนาของนีโครโนมิคอนที่มหาวิทยาลัยมิสคาทอนิค เนื่องจากต้องการคาถาในหน้าที่ 751 เพราะฉบับภาษาอังกฤษที่วิลเบอร์มีอยู่นั้นมีความผิดเพี้ยนไป
ลักษณะของนีโครโนมิคอนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัดนักนอกจากว่าตีพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีดำ โดยทั่วไปแล้วมักมีปกทำจากหนังสัตว์ต่าง ๆ และมีสันจับเป็นโลหะ นอกจานั้น บางครั้งนีโครโนมิคอนยังถูกปลอมไว้เป็นหนังสืออื่น ๆ เช่น ในเรื่อง The Case of Charles Dexter Ward ซึ่งนีโครโนมิคอนถูกปลอมเป็นหนังสือชื่อ Qanoon-e-Islam
หนังสือที่ใช้ชื่อนีโครโนมิคอนส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีข้อความที่เลิฟคราฟท์เคยระบุไว้[ 15]
ของปลอมและเลียนแบบ
แม้เลิฟคราฟท์จะยืนยันเสมอว่านีโครโนมิคอนเป็นเพียงสิ่งที่เขาแต่งขึ้นเท่านั้น แต่ก็มีคนที่เชื่อว่านีโครโนมิคอนมีจริงอยู่ นอกจากนั้น บางครั้งยังมีผู้เล่นตลกโดยการใส่ชื่อของนีโครโนมิคอนไว้ในรายการหนังสือของร้านหนังสือหรือห้องสมุด หอสมุดไวด์เนอร์ที่ฮาวาร์ด ซึ่งเลิฟคราฟท์ระบุว่ามีสำเนาเก็บไว้ในประวัติสมมุตินั้น ในรายการให้ผู้ที่ต้องการหาหนังสือเล่มนี้ "สอบถามที่โต๊ะ"
ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยทรอมโซ ประเทศนอร์เวย์ มีฉบับแปลของนีโครโนมิคอนอยู่ในรายการหนังสือ แต่ก็ระบุว่า"ไม่มีให้บริการ"[ 16]
โอวล์สวิคเพรสได้พิมพ์นีโครโนมิคอนในปีพ.ศ. 2516 ซึ่งฉบับนี้นั้นเป็นภาษาสมมุติที่ถอดความไม่ได้ เรียกว่า Duriac[ 17]
ในปี พ.ศ. 2520 ได้มีการพิมพ์เผยแพร่หนังสือที่อ้างว่าเป็นฉบับแปลของนีโครโนมิคอน โดยผู้แต่งใช้นามปากกาว่า ไซมอน หนังสือเล่มนี้แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องของเลิฟคราฟท์เลยแต่กลับมีตำนานของชาวสุเมเรียนเป็นเนื้อหาหลัก
ในปีถัดมา จอร์จ เฮย์ ได้เรียบเรียงนีโครโนมิคอนฉบับปลอมขึ้นโดยมีบทแนะนำที่เขียนโดยคอลลิน วิลสัน ผู้ค้นคว้าเรื่องเหนือธรรมชาติและนักประพันธ์ เดวิด แลงฟอร์ด อ้างว่าหนังสือนี้มาจากการใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ข้อเขียนเข้ารหัสของจอห์น ดี ในความเป็นจริงนั้น ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ก็คือนักรหัสญาณ โรเบิร์ต เทิร์นเนอร์ นีโครโนมิคอนฉบับนี้นับว่าใกล้เคียงกับลักษณะที่เลิฟคราฟท์เคยเขียนถึงไว้มาก รวมถึงมีข้อความที่เลิฟคราฟท์เคยอ้างไว้ในงานประพันธ์อยู่ด้วย ในเรื่อง The Return of the Lloigor ซึ่งวิลสันเป็นผู้ประพันธ์นั้น ยกให้ข้อเขียนวอยนิช เป็นสำเนาของนีโครโนมิคอน
นีโครโนมิคอนฉบับต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เกิดความสับสนว่านีโครโนมิคอนมีอยู่จริงหรือไม่มากขึ้น ทำให้มีหนังสือ แฟ้มนีโครโนมิคอน เผยแพร่ในปีพ.ศ. 2541 เพื่อพิสูจน์ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงเรื่องสมมุติเท่านั้น และต่อมาได้รับการเพิ่มเนื้อหาและพิมพ์ใหม่ในปีพ.ศ. 2546 [ 18]
ในปี พ.ศ. 2547 นักรหัสญาณโดนัลด์ ไทสัน ได้เขียน Necronomicon: The Wanderings of Alhazred ซึ่งเป็นฉบับที่เชื่อว่าใกล้เคียงกับที่เลิฟคราฟท์จินตนาการไว้มากที่สุด ไทสันนั้นระบุไว้อย่างชัดเจนว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้น แต่ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย[ 19]
หมายเหตุ
↑ "The Hound", by H. P. Lovecraft Published February 1924 in "Weird Tales". YankeeClassic.com. Retrieved on January 31, 2009
↑ แม้จะเป็นไปได้ว่าหนังสือไม่มีชื่อในเรื่อง The Statement of Randolph Carter ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2462 นั้นจะเป็นนีโครโนมิคอน แต่ เอส. ที. โจชิ ก็ได้ระบุว่าข้อความในนั้นเขียนด้วยอักขระที่ตัวละคร แรนดอล์ฟ คาเตอร์ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งไม่ตรงกับนีโครโนมิคอนฉบับใดๆที่ปรากฏ S. T. Joshi, "Afterword", History of the Necronomicon , Necronomicon Press.
↑ L. Sprague de Camp , Literary Swordsmen and Sorcerers , p100-1 ISBN 0-87054-076-9
↑ 4.0 4.1 Quotes Regarding the Necronomicon from Lovecraft’s Letters
↑ Joshi & Schultz, "Chambers, Robert William", An H. P. Lovecraft Encyclopedia , p. 38
↑ Joshi, "Afterword".
↑ H. P. Lovecraft - Selected Letters V, 418
↑ H. G. Liddell, Robert Scott - Abridged Greek-English Lexicon
↑ Joshi, S.T. The Rise and Fall of the Cthulhu Mythos (Mythos Books, 2008) pp. 34-35.
↑ Petersen, Sandy & Lynn Willis. Call of Cthulhu , p. 189.
↑ H. P. Lovecraft's History of the Necronomicon
↑ A Note About the Necronomicon
↑ The Hans Wehr Dictionary of Modern Written Arabic , ed. J.M. Cowan.
↑ Letter to Jim Blish and William Miller, Jr., quoted in Joshi, "Afterword".
↑ The Simon Necronomicon , a review.
↑ "Necronomicon" . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2012-03-14. สืบค้นเมื่อ 2010-09-17 .
↑ Al Azif: The Necronomicon , a Review (Owlswick/Wildside Edition)
↑ Dan and John Wisdom Gonce III. 2003. The Necronomicon Files . Boston: Red Wheel Weiser.
↑ Keys to Power beyond Reckoning: Mysteries of the Tyson Necronomicon
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ
แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ
Harms, Daniel and Gonce, John Wisdom III. Necronomicon Files: The Truth Behind Lovecraft's Legend , Red Wheel/Weiser (July 1, 2003), pp. 64–65,
Hill, Gary (2006). The Strange Sound of Cthulhu: Music Inspired by the Writings of H. P. Lovecraft . Music Street Journal. ISBN 978-1-84728-776-2 .
Joshi, S. T. ; David E. Schultz (2001). An H. P. Lovecraft Encyclopedia . Westport, CT: Greenwood Press. ISBN 0-313-31578-7 .
Petersen, Sandy ; Lynn Willis ; Keith Herber ; William Workman; William Hamblin; Mark Morrison; Lee Gibbons (1994). Call of Cthulhu . Chaosium Inc. ISBN 0-933635-86-9 .
"Wildside/Owlswick Necronomicon " . 2006-12-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ June 3, 2008. สืบค้นเมื่อ March 3, 2007 .
แหล่งข้อมูลอื่น