จักรพันธ์ แก้วพรม (ชื่อเล่น โน้ต; 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 – ) เป็นนักฟุตบอลชาวไทย ปัจจุบันลงเล่นตำแหน่งกองกลาง / แบ็กขวาให้กับราชบุรี เขาเป็นนักเตะที่สามารถคว้าแชมป์ไทยลีกสูงที่สุด รวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง โดยเป็นการคว้าแชมป์ร่วมกับเมืองทอง ยูไนเต็ด 1 ครั้ง และอีก 7 ครั้งกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สโมสร
บีอีซี เทโรศาสน
จักรพันธ์เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับบีอีซี เทโรศาสน โดยเขาถูกจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาและกองกลางฝั่งขวา เพราะในตอนนั้น สโมสรมีผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางมากพอแล้ว
เมืองทอง ยูไนเต็ด
ใน พ.ศ. 2553 จักรพันธ์ย้ายไปเมืองทอง ยูไนเต็ด เขาทำผลงานได้ดีและมีส่วนช่วยให้สโมสรชนะเลิศไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2553 นอกจากนี้ เขายังได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรในฤดูกาลนั้นด้วย
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ปล่อยตัว จักรพันธ์ แก้วพรม ให้กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ[1]
ฤดูกาล 2557
ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 จักรพันธ์ทำประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2557 ช่วยให้บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไปได้ 3–0 ต่อมาในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557 จักรพันธ์ทำประตูที่ 2 ในลีก ในนัดที่ บุรีรัมย์ บุกไปเอาชนะ ราชบุรี มิตรผล 2–0 ต่อมาในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 จักรพันธ์ทำประตูที่ 3 ในลีก ในนัดที่ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเสมอกับต้นสังกัดเก่าของเขา บีอีซี เทโรศาสน 1–1[2]
ฤดูกาล 2558
ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 จักรพันธ์ทำประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2558 ช่วยให้ บุรีรัมย์ บุกไปเอาชนะ กัลฟ์ สระบุรี 2–1[3] ต่อมาในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ช้าง เอฟเอคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย จักรพันธ์ทำหนึ่งประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ บุกไปเอาชนะ บางกอกกล๊าส ที่ลีโอสเตเดียม 3–1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ[4] ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 โตโยต้า ลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง จักรพันธ์ทำหนึ่งประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเอาชนะ ลำพูน วอร์ริเออร์ 7–1 ผลประตูรวม 7–1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[5] ต่อมาในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 โตโยต้า ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก จักรพันธ์ทำหนึ่งประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเอาชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ไปได้ 3–2 และในนัดที่สอง บุรีรัมย์ก็บุกไปเสมอ 2–2 ผลประตูรวม 5–4 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ[6] ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ช้าง เอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์ เจอกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนามศุภชลาศัยในกรุงเทพมหานคร จักรพันธ์ทำหนึ่งประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ เอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ไปได้ 3–1 ทำให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ สมัยที่ 4 และคว้าแชมป์รายการที่ 5 ของฤดูกาล ได้สำเร็จ[7]
ฤดูกาล 2559
ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก บุรีรัมย์ เจอกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนามศุภชลาศัยในกรุงเทพมหานคร จักรพันธ์ทำหนึ่งประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ เอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ไปได้ 3–1 ทำให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[8] ต่อมาในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559 จักรพันธ์ทำประตูแรกในไทยลีก ฤดูกาล 2559 ในนัดที่ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเสมอกับ บีอีซี เทโรศาสน 3–3[9] ต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559 จักรพันธ์ยิง 2 ประตูในลีก ในนัดที่ บุรีรัมย์ บุกไปเสมอกับ ศรีสะเกษ ที่สนามศรีนครลำดวน 2–2[10]
ฤดูกาล 2560
ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 จักรพันธ์ ทำประตูแรกในไทยลีก ฤดูกาล 2560 ช่วยให้ บุรีรัมย์ บุกไปเอาชนะ ราชนาวี ที่สนามกองทัพเรือ (สัตหีบ) 2–1[11] ต่อมาในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 จักรพันธ์ ทำประตูที่ 2 ในลีก ในนัดที่บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไปได้ 2–1[12] ต่อมาในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 จักรพันธ์ทำประตูที่ 3 ในลีก ช่วยให้บุรีรัมย์บุกไปเอาชนะ นครราชสีมา ที่สนามเฉลิมพระเกียรติฯ 2–0 นับเป็นการบุกไปเอาชนะ นครราชสีมา ถึงถิ่น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร[13][14] ต่อมาในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560 จักรพันธ์ทำประตูที่ 4 ในลีก ในนัดที่บุรีรัมย์บุกไปเอาชนะ ราชบุรี ที่สนามมิตรผล 2–0[15] จบฤดูกาล จักรพันธ์ยิงประตูในลีกทั้งหมด 4 ประตู มีส่วนช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ โดยเขาได้รับรางวัล "นักฟุตบอลยอดเยี่ยม โตโยต้า ไทยลีก" จากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในงาน FA Thailand Awards and New Year Celebrations เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560[16]
ฤดูกาล 2561
ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ไทยลีกนัดเปิดฤดูกาล 2561 จักรพันธ์ยิงประตูแรกในลีก ช่วยให้ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเอาชนะ ราชบุรี มิตรผล ไปได้ 2–1[17] โดยประตูของเขา ถือเป็นประตูแรกที่เกิดขึ้นในไทยลีกฤดูกาลนี้[18] ต่อมาในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จักรพันธ์ทำประตูที่ 2 ในลีก ในนัดที่ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเอาชนะ แอร์ฟอร์ซ ไปได้ 5–0 ทำให้บุรีรัมย์จบเลกแรกด้วยการเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จ[19] ต่อมาในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ช้าง เอฟเอคัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย จักรพันธ์ยิง 2 ประตู ช่วยให้ บุรีรัมย์ เปิดบ้านเอาชนะ ลำปาง จากไทยลีก 2 ไปได้ 6–0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ[20] ต่อมาในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 จักรพันธ์ทำประตูที่ 3 ในลีก ช่วยให้บุรีรัมย์บุกไปเอาชนะ ชลบุรี 2–0[21]
ฤดูกาล 2562
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ นัดชิงชนะเลิศ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2561 เจอกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ช้าง เอฟเอคัพ 2561 ที่สนามกีฬากองทัพบกในกรุงเทพมหานคร จักรพันธ์ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนัดนั้น สุดท้าย บุรีรัมย์ แซงเอาชนะ สิงห์ เชียงราย 3–1 ช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ สมัยแรก ได้สำเร็จ[22]
จบฤดูกาล 2562 จักรพันธ์ลงเล่นในลีกไปทั้งสิ้น 9 นัด และไม่สามารถยิงประตูในลีกได้เลย ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 จักรพันธ์ได้รับการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ Transfermarkt ให้เป็นผู้เล่นชาวไทยที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดของสโมสร โดยอยู่ที่ 350,000 ยูโร หรือประมาณ 11 ล้านบาท[23]
ฤดูกาล 2563–64
ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 การแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ 2563–64 รอบ 32 ทีมสุดท้าย จักรพันธ์ทำหนึ่งประตูช่วยให้บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโรไปได้ 4–0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ[24] ต่อมาในวันที่ 12 ธันวาคม เขาทำประตูแรกในไทยลีก ฤดูกาล 2563–64 ช่วยให้บุรีรัมย์บุกเอาชนะแบงค็อก ยูไนเต็ดที่ทรูสเตเดียม 2–1[25] ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม เขาทำประตูที่ 2 ในลีก ช่วยให้บุรีรัมย์บุกเอาชนะชลบุรีที่ชลบุรีสเตเดียม 2–0[26]
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2564 เขาทำประตูที่ 3 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะสุโขทัย 3–0[27] ต่อมาในวันที่ 18 มีนาคม เขาทำประตูที่ 4 ในลีก ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด 2–0[28]
ทีมชาติ
จักรพันธ์ ถูก ปีเตอร์ รีด เรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เบื้องต้น 30 คน ในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2008 ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก จักรพันธ์ทำประตูแรกในนามทีมชาติ ช่วยให้ไทยเอาชนะปาเลสไตน์ไปได้ 1-0 ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก นัดที่ไทยพบกับออสเตรเลีย จักรพันธ์เล่นในตำแหน่งแบ็กขวา และจ่ายบอลให้ ธีรศิลป์ แดงดา ทำประตูได้สำเร็จ
ใน พ.ศ. 2556 จักรพันธ์ ถูก สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ เรียกตัวติดทีมชาติในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 เขาได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนัดอุ่นเครื่องที่พบกับบาห์เรน
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2565
ทีมชาติ
- ณ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561[29]
ทีมชาติ |
ปี |
ลงเล่น |
ประตู
|
ไทย
|
2554 |
9 |
1
|
2555 |
4 |
0
|
2556 |
2 |
0
|
2557 |
1 |
0
|
2559 |
1 |
0
|
2560 |
1 |
0
|
2561 |
3 |
1
|
ทั้งหมด |
21 |
2
|
การทำประตูในนามทีมชาติ
เกียรติประวัติ
สโมสร
- เมืองทอง ยูไนเต็ด
- บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
- ไทยลีก (7): 2554, 2556, 2557, 2558, 2560, 2561, 2564–65
- ไทยเอฟเอคัพ (5): 2554, 2555, 2556, 2558, 2564–65
- ไทยลีกคัพ (6): 2554, 2555, 2556, 2558, 2559, 2564–65
- โตโยต้า พรีเมียร์คัพ (2): 2557, 2559
- ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ (1): 2562
- ถ้วยพระราชทาน ก. (4): 2556, 2557, 2558, 2559
- แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ (2): 2558, 2559
รางวัลส่วนตัว
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง