การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558
|
|
ทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน ต้องการ 326 ที่นั่งจึงเป็นฝ่ายข้างมาก |
---|
ผู้ใช้สิทธิ | (30,492,062) 66.1% |
---|
|
First party
|
Second party
|
|
|
|
ผู้นำ
|
เดวิด คาเมรอน
|
เอ็ด มิลลิแบนด์
|
พรรค
|
พรรคอนุรักษนิยม (สหราชอาณาจักร)
|
พรรคแรงงาน (สหราชอาณาจักร)
|
ผู้นำตั้งแต่
|
6 ธันวาคม 2548
|
25 กันยายน 2553
|
เขตของผู้นำ
|
เขตวิตนีย์
|
เขตดองคัสเตอร์เหนือ
|
เลือกตั้งล่าสุด
|
306 ที่นั่ง, 36.1%
|
258 ที่นั่ง, 29.0%
|
ที่นั่งก่อนหน้า
|
302
|
256
|
ที่นั่งที่ชนะ
|
330
|
232
|
ที่นั่งเปลี่ยน
|
28
|
24
|
คะแนนเสียง
|
11,334,920
|
9,344,328
|
%
|
36.9%
|
30.4%
|
%เปลี่ยน
|
0.8%
|
1.4%
|
|
|
|
การเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2558 จัดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 (โดยมีการออกเสียงลงคะแนนทางไปรษณีย์ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน) เพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสหราชอาณาจักรที่ 56 ในการเลือกตั้งทั่วไปในสหราชอาณาจักร มีการออกเสียงลงคะแนนใน 650 เขตเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรเพื่อเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเข้าไปนั่งในสภาสามัญชนซึ่งเป็นสภาล่างของรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมืองหรือแนวร่วมพรรคการเมืองใหญ่สุดในสภาสามัญชนจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ ยกเว้นเขตมหานครลอนดอน
นายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง คือ เดวิด คาเมรอนแห่งพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งปกครองนับแต่การเลือกตั้งปี 2553 ในรัฐบาลผสมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย การหยั่งเสียงทำนายการแข่งขันคู่คี่เพื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงานซึ่งมีเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Miliband) เป็นหัวหน้าพรรค โดยนักหยั่งเสียงทั้งหมดทำนายอย่างมั่นใจว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใดได้ครองเสียงข้างมากหรือเกิดสภาแขวน (hung parliament) แต่ผลการเลือกตั้งจบลงโดยพรรคอนุรักษนิยมได้สมาชิกสภาสามัญชนเพิ่มขึ้นและกลายเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดด้วยเสียงข้างมาก ทำให้คาเมรอนเป็นนายกรัฐมนตรีต่อโดยไม่ต้องอาศัยรัฐบาลผสม
พรรคชาติสกอตได้ที่นั่งอย่างสำคัญในสกอตแลนด์ โดยได้สมาชิกสภาเพิ่มขึ้นอีก 50 คน รวมเป็น 56 จาก 59 ที่นั่งในสกอตแลนด์ ทำให้พรรคฯ เป็นพรรคการเมืองใหญ่สุดอันดับสามในสภาสามัญชน พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียที่นั่งกว่า 48 ที่นั่ง และทำให้สัดส่วนคะแนนเสียงของพรรคลดลงแตะระดับต่ำสุดนับแต่การเลือกตั้งทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2517
การรณรงค์หาเสียงทำให้พรรคเอกราชยูเคเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งได้สัดส่วนคะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับสาม (12.9%) แต่ได้สมาชิกสภาเพียงคนเดียว แม้มีคะแนนเสียงของประชาชนเพิ่มขึ้นสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ เพิ่มขึ้น 9.5%
หลังการเลือกตั้ง เอ็ด มิลลิแบนด์ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแรงงาน[1] และนิก เคล็กก์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย[2] นิเกล ฟาราจ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอกราชยูเคหลังไม่สามารถชนะที่นั่งที่แทเน็ตเซาท์ แต่ถูกพรรคปฏิเสธ
ประวัติ
ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่แล้ว ไม่มีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภาสามัญชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2517 จึงเกิดรัฐบาลผสมครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย[3]
รูปแบบการเลือกตั้ง
สภาสามัญชนใช้ระบบเขตเพียงอย่างเดียวทั้ง 650 ที่นั่ง ผู้ที่มีคะแนนเสียงสูงสุดจะได้รับเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องได้เสียงข้างมาก แม้ว่าข้อตกลงการร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคอนุรักษนิยมและพรรคเสรีประชาธิปไตย กำหนดให้ทำประชามติเพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งเป็นแบบ Alternative Vote(Instant-runoff voting) (แบบหาผู้ชนะเสียงข้างมาก)ในปีพ.ศ. 2554[4] แต่ผลการลงประชามติ ประชาชนปฏิเสธการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 67.9% ต่อ 32.1%[5]
การหยั่งเสียงความคิดเห็น
ผลการเลือกตั้ง
ผลการเลือกตั้งทั้ง 650 เขตเป็นดังนี้[6]
ที่ |
|
พรรค |
คะแนนเสียง |
ที่นั่ง |
เปลี่ยนแปลง(ที่นั่ง)
|
1 |
|
พรรคอนุรักษนิยม |
11,334,920 (36.9%) |
331[7] (50.9%) |
28
|
2 |
|
พรรคแรงงาน |
9,344,328 (30.4%) |
232 (35.7%) |
24
|
3 |
|
พรรคชาติสกอต (Scottish National Party) |
1,454,436 (4.7%) |
56 (8.6%) |
50
|
4 |
|
พรรคเสรีประชาธิปไตย |
2,415,888 (7.9%) |
8 (1.2%) |
48
|
5 |
|
พรรคสหภาพประชาธิปไตย (Democretic Unionist Party) |
184,260 (0.6%) |
8 (1.2%) |
|
6 |
|
พรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) |
176,232 (0.6%) |
4(0.6%) |
1
|
7 |
|
พรรค Plaid Cymru |
181,694 (0.6%) |
3 (0.5%) |
|
8 |
|
พรรคสังคมประชาธิปไตยและแรงงาน |
99,809 (0.3%) |
3 (0.5%) |
|
9 |
|
พรรค Ulster Unionist |
114,935 (0.4%) |
2 (0.3%) |
2
|
10 |
|
พรรคเอกราชสหราชอาณาจักร (UK Independence Party) |
3,881,129 (12.9%) |
1 (0.2%) |
1
|
11 |
|
พรรคกรีน |
1,157,613 (3.8%) |
1 (0.2%) |
|
12 |
|
อื่น ๆ |
346,436 (1.1%) |
1 (0.2%) |
|
อ้างอิง